จากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย–กัมพูชา กรณีทหารกัมพูชาเปิดฉากโจมตีทหารไทย และยิงถล่มชุมชนพลเรือน ทำให้ไทยใช้มาตรการปิดด่านและปฏิบัติการทางทหารตอบโต้การโจมตีของกัมพูชา ซึ่งทำให้ประชาชนและทหารไทย เสียชีวิต 29 ราย บาดเจ็บนับร้อย ขณะที่ทหารกัมพูชาเสียหายยับเยิน ตายจำนวนมากนำมาสู่การทำข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชา และอยู่ในขั้นตอนที่คณะกรรมการร่วมระดับแม่ทัพหารือในรายละเอียด เพื่อให้เกิดความสงบตามแนวชายแดนต่อไป ส่วนคนไทยและทหารไทยที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการสู้รบ รวมถึงกรณีบ้านเรือนเสียหาย ทาง รัฐบาลได้ออกมาตรการดูแลและจ่ายค่าชดเชยแล้วอย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ไม่ได้มีเฉพาะประชาชนและทหารที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการสู้รบ แต่ยังมีคนอีกกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบครั้งนี้ นั่นก็คือ ผู้ประกอบธุรกิจค้าขาย ส่งออก และการท่องเที่ยวที่กิจการต้องหยุดชะงัก มูลค่าความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาทต่อเดือนดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้นำประธานหอการค้าจังหวัดชายแดนไทย–กัมพูชา 7 จังหวัด เข้าพบนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เพื่อยื่นข้อเสนอมาตรการช่วยเหลือเยียวยากรณีผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย– กัมพูชาอาทิ มาตรการช่วยเหลือเยียวยาด้านแรงงานและการจ้างงาน โดยขอให้ลดเงินสมทบประกันสังคม สนับสนุนแรงงานทดแทนจากประเทศเพื่อนบ้าน มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ขอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการสนับสนุน หรืองบประมาณแก่หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนจัดสัมมนาและศึกษาดูงานในพื้นที่ 7 จังหวัดมาตรการด้านภาษี และค่าธรรมเนียม ขอให้รัฐบาลพิจารณามาตรการลดภาษีในส่วนของภาษีท้องถิ่น เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีป้าย ฯลฯ รวมทั้งพิจารณาการใช้มาตรการภาษีเฉพาะสำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด เพื่อช่วยลดภาระและผลกระทบผู้ประกอบการชายแดนที่ประสบปัญหาธุรกิจชะงักงันวันนี้แม้การสู้รบตามแนวชายแดนเริ่มสงบลง แต่ยังจำเป็นต้องปิดด่านเพื่อความมั่นคง ทำให้ผู้ประกอบการต้องรับผลกระทบต่อไปอีก ซึ่งส่งผลต่อการจ้างงานที่ลดลง ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ขาดรายได้ มิติความมั่นคงเป็นเรื่องสำคัญ แต่เศรษฐกิจชายแดนและปากท้องชาวบ้านก็สำคัญเช่นกัน ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งให้การช่วยเหลือฟื้นฟู.คลิกอ่านคอลัมน์ “บทบรรณาธิการ” เพิ่มเติม