แม่ทัพภาคที่ 2 สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวง” องค์จอมทัพไทย ทรงห่วงใยสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ทรงสอบถามเหตุการณ์ทุกวัน ทั้งทรงเป็นกำลังใจให้เหล่าทหารแนวหน้าทุกนาย เผย 30 ก.ย. สิ้นสุดภารกิจจบหน้าที่ ไม่มีต่ออายุราชการ มั่นใจผู้บัญชาการทหารบกและผู้บังคับบัญชาจะเลือกแม่ทัพภาคที่ 2 คนใหม่ที่เหมาะสมมาทดแทน ยันรัฐบาลและกองทัพมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เด็กๆโรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์ปลื้ม “แม่ทัพกุ้ง” ระหว่างมาบรรยายพิเศษ “เรื่องเล่าจากแนวหน้าและการรักษาอธิปไตยของชาติ” รุมถามเหนื่อยไหม ด้าน “มาริษ” คุย รมว.กต.จีน-กัมพูชา แก้ปัญหาทุ่นระเบิดประชาชนชาวไทยทั้งประเทศร่วมกันส่งกำลังใจพร้อมส่งสิ่งของทั้งของกินของใช้ให้กับกำลังพลทั้งทหาร ทหารพราน และ ตชด. ที่ยังตรึงกำลังปฏิบัติหน้าที่ปกป้องแผ่นดินไทยตามแนวชายแดน 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานีและบุรีรัมย์ เพื่อเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่ไม่สนใจข้อตกลงหยุดยิงด้วยการพยายามรุกล้ำอธิปไตยไทยอยู่ตลอดเวลาและมีพฤติกรรมลอบกัด ด้วยการแอบมาวางทุ่นระเบิดในพื้นที่ดินแดนไทยอยู่ประจำมทภ.2 บรรยายพิเศษสาธิตเกษตรที่โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 14 ส.ค. มีการจัดกิจกรรม “สาธิตเกษตรรวมใจสู่แนวหน้าปลูกต้นกล้าแทนคุณแผ่นดิน” มี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ร่วมเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษในหัวข้อ “เรื่องเล่าจากแนวหน้าและการรักษาอธิปไตยของชาติ” มี ดร.ผกามาศ นันทจีวรวัฒน์ ผอ.ร.ร. พร้อมผู้บริหาร และนักเรียนร่วมกันร้องเพลงชาติ และเพลงบ้านเกิดเมืองนอน พิธีสดุดี ไว้อาลัยแด่ทหารกล้าและประชาชนผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชาเผย “ในหลวง” ทรงห่วงใยสถานการณ์พล.ท.บุญสินเล่าถึงสถานการณ์ทหารแนวหน้าให้เด็กๆฟังตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันยังอยู่หน้างาน สถานการณ์เป็นยังไงเราก็พร้อม จะยุติก็ได้ จะรบต่อก็พร้อม เพราะฉะนั้นขวัญและกำลังใจของทหารทุกคนยังดี สำหรับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บกองทัพจะดูแลให้ดีที่สุด ทหารที่บาดเจ็บก็ยังยิ้มได้ เขาไม่เสียใจเลย ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใย ทรงสอบถามเหตุการณ์ทุกวัน ทรงเป็นกำลังใจให้และรับคนไข้ทุกคนไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ กองงานของพระองค์ก็สอบถามสถานการณ์มา ได้รายงานไปทุกวัน สิ่งเหล่านี้คือจอมทัพไทย ตั้งแต่ประวัติศาสตร์พระมหากษัตริย์ทรงเป็นองค์นำกองทัพ ปัจจุบันยังเป็นเช่นเดิม ดังนั้นทหารทุกคนพร้อมสละชีพเพื่อชาติรุกล้ำอธิปไตยไม่คุยเข้าตีอย่างเดียวต่อมามีตัวแทนนักเรียน ป.3 ถามว่า หากมีพรวิเศษ 1 ข้อ อยากขอสิ่งใดให้เป็นจริง พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า อยากให้ประเทศไทยสงบสุข เจริญรุ่งเรือง ไม่เดือดร้อน ร่มเย็น ประชาชนไม่ทะเลาะกันเป็นยุคศิวิไลซ์ ขณะที่ตัวแทน ป.4 ถามว่า หากมีคนมารุกรานประเทศไทย แม่ทัพจะทำอย่างไร พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า จะทำอย่างที่ทำคือปกป้องอธิปไตยขับไล่ศัตรูออกไปโดยเร็ว ด้านตัวแทนนักเรียน ม.2 ถามว่า แม่ทัพเหนื่อยมากไหม พล.ท.บุญสินกล่าวว่า ไม่มีเวลาเหนื่อยกับการปกป้องประเทศชาติ ไม่มีเวลาทะเลาะกับคนในประเทศ มีเวลาอย่างเดียวคือไล่อริราชศัตรูออกจากประเทศไทยเท่านั้น เมื่อเด็กๆถามถึงเรื่องเครื่องบิน F-16 พล.ท.บุญสินตอบว่า F-16 ก็ใช้เหมือนกัน หากอีกฝ่ายรุกล้ำอธิปไตยเข้ามาและไม่ถอนกำลังออกไป จะไม่คุย จะเข้าตีอย่างเดียวยันรัฐบาล–กองทัพมีสัมพันธ์ดีต่อกันภายหลังการร่วมกิจกรรม พล.ท.บุญสินให้สัมภาษณ์ถึงข่าวกัมพูชามีตาข่ายกั้นโดรนว่า ตาข่ายกั้นโดรน เป็นเรื่องปกติของทั้ง 2 ฝ่ายที่จะต้องมีในการรบสมัยใหม่ เพื่อป้องกันโดรนสังหารหรือโดรนพลีชีพ ไทยก็มีจากการบริจาคของประชาชน ส่วนการรับบริจาคยังพร้อมรับมอบแต่จะไม่โพสต์ขอรับ เรื่องการขอรับบริจาครั้วลวดหนามเป็นการขอรับบริจาคปกติ เหมือนกับการขอรับบริจาคกางเกงใน ถุงเท้า ขณะนี้เราได้ครบแล้ว เราต้องควบคุมพื้นที่จำนวนมาก ต้องการใช้มากเพื่อลดการลาดตระเวนของฝ่ายเรา ยืนยันว่ารัฐบาลกับกองทัพมีความสัมพันธ์ที่ดี กองทัพก็ป้องกันชายแดน รัฐบาลก็ทำหน้าที่ผู้บริหารรองเท้ากันทุ่นระเบิดของมันต้องมีเมื่อถามว่าขณะนี้ยังคงมีการใช้ทุนระเบิดจากฝั่งกัมพูชา จะต้องจัดหารองเท้าป้องกันทุ่นระเบิดให้กับทหารหรือไม่ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งที่ผู้บังคับบัญชาพยายามหาวิธีการ มีการดูรองเท้ารุ่นต่างๆ อาจจะมีราคา และต้องใช้เวลาจัดหา บางจุดมีความจำเป็น เนื่องจากถ้าไม่ไปลาดตระเวนอาจถูกยึดพื้นที่คืน หรือถูกข้าศึกรุกคืบเข้ามา แต่ต้องใช้ความพยายามใช้วิธีที่รอบคอบที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องจักร หรือเครื่องตรวจทุ่นระเบิด การใช้รถกวาดทุ่นระเบิดก็เป็นประโยชน์ แต่ในบางจุดรถไม่สามารถเข้าได้ เนื่องจากเป็นป่าทึบก็ต้องใช้วิธีอื่น เมื่อถามว่าการจัดหารองเท้าป้องกันทุ่นระเบิดให้กับกำลังพลจำเป็นต้องอาศัยงบประมาณจากรัฐบาลหรือต้องเปิดรับบริจาคเช่นที่ผ่านมา พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า ต้องดูอีกที หากมีการบริจาคยินดีรับ อย่างไรก็ตามรัฐบาลและกองทัพมีหน้าที่ต้องจัดหาอยู่แล้ว30 ก.ย. เกษียณจบหน้าที่ไม่มีต่อพล.ท.บุญสินยังกล่าวถึงกระแสที่ขอให้มีการต่ออายุราชการตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ว่า เป็นเรื่องของสังคมมากกว่า ขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ ตนปฏิบัติหน้าที่ในราชการจนถึงวันที่ 30 ก.ย. ก็จบภารกิจและพร้อมจะเป็นคนดีของประเทศชาติต่อไป มั่นใจในแม่ทัพคนใหม่ ผู้บัญชาการทหารบกและผู้บังคับบัญชาจะเลือกคนที่เหมาะสม กองทัพสร้างคนมาทดแทนได้อยู่แล้ว เมื่อถามอีกว่าฝ่ายกัมพูชาล็อกเป้าท่านแม่ทัพ หมายถึงหมายหัวท่านไว้ พล.ท.บุญสิน กล่าวว่า “ผมก็ล็อกเป้า หมายหัวเขาไว้เหมือนกัน”กัมพูชาตอบรับถกอาร์บีซีปลาย ส.ค.แม่ทัพภาคที่ 2 ยังให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 และผู้บัญชาการภูมิภาคทหารฝ่ายกัมพูชา ว่า กัมพูชาตอบรับแล้วว่าช่วงปลายเดือน ส.ค. สถานที่หารือจะเป็นแนวเขตชายแดนฝั่งไทย เมื่อถามว่า แม้แต่เวทีจีบีซีกัมพูชาไม่ตอบรับเก็บกู้ทุ่นระเบิดจะทำอย่างไร พล.ท.บุญสินกล่าวว่าในเวทีอาร์บีซีจะพูดอีก ถ้าไม่ยอมรับจะชี้แจงต่อสังคมโลก ให้ยูเอ็นช่วยดูว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนการประชุมอาร์บีซีจะมีการพูดคุยถึง 11 พื้นที่ที่ฝ่ายไทยควบคุมไว้หรือไม่ พล.ท.บุญสินกล่าวว่า เราก็ควบคุมอยู่ ไม่ถอนทหาร เราก็อยู่ตรงนั้น ถึงได้มีคำว่าลวดหนามและใช้จำนวนมาก ยืนยันว่าพื้นที่ปราสาทตาควายยังเป็นของไทยอยู่ แต่ต้องหาวิธีนำกลับมาไม่ว่าจะด้วยวิธีใดแรงงานกัมพูชาทะลักกลับไทยต่อมาเวลา 14.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้รับรายงานจากฝ่ายความมั่นคง พบช่วงนี้มีแรงงานชาวกัมพูชาลักลอบใช้ช่องทางธรรมชาติหลบหนีกลับเข้ามาในไทยเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่ ล่าสุดกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) รายงานว่าได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตรวจพบแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชาจำนวนมากหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ ผู้นำรัฐบาลกัมพูชาได้เรียกร้องให้ชาวกัมพูชาที่ทำงานอยู่ในไทย เดินทางกลับประเทศ หากกลับบ้านจะมีงานให้ทำ มีเงินใช้ ทำให้ชาวกัมพูชาเดินทางกลับจำนวนมาก แต่กลับไม่เป็นอย่างที่แจ้งไว้ จำเป็นต้องลักลอบเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติต่างๆ เพื่อกลับเข้ามาทำงานในไทย หน่วยงานด้านความมั่นคงได้เพิ่มมาตรการตรวจตราอย่างเข้มงวดแจงผ่อนผันเพื่อมนุษยธรรมนายจิรายุกล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศ 2 ฉบับของกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงแรงงาน ที่อนุญาตคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ที่ครบวาระการจ้างงาน หรือการอนุญาตให้พำนักในเขตพื้นที่ชายแดนที่ได้รับอนุญาตสิ้นสุดลง แต่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศต้นทาง ได้อนุญาตให้ทำงานในประไทยต่ออีก 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 7 มิ.ย.68 เป็นต้นไป ด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรม ทำให้คนต่างด้าว ดังกล่าวที่ประสงค์จะทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถทำงานในประเทศไทยได้เป็นกรณีพิเศษ ตามประกาศ แม้จะมีการผ่อนผันแรงงานต่างด้าวอย่างถูกกฎหมายด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม แต่ไทยยังคงให้ความสำคัญกับการคุ้มครองความมั่นคงของประเทศและการบังคับใช้กฎหมาย รัฐบาลขอยืนยันว่า ยังคงปฏิบัติระหว่างกันด้วยหลักมนุษยธรรม และยังคงช่วยเหลืออำนวยความสะดวกให้แรงงานกัมพูชาทุกประการ ตามหลักกฎหมายของไทย เพื่อให้อยู่ทำงานและอาศัยบนแผ่นดินไทยได้อย่างปลอดภัยทบ.จับกัมพูชาลอบเข้าไทยเพียบขณะที่ พ.ต.หญิง จุฑาพัชร เปรมบัญญัติ ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกจับกุมชาวกัมพูชาลักลอบเข้าเมืองได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 ด้าน จ.สระแก้ว ตั้งแต่เกิดการสู้รบจนถึงปัจจุบัน จับกุมได้ทั้งสิ้น 35 ครั้ง รวมผู้ต้องหา 158 คน และเมื่อวันที่ 13 ส.ค.หน่วยเฉพาะกิจอรัญประเทศร่วมกับกองร้อยทหารพรานที่ 1204 จับกุมชาวกัมพูชา 10 คน ในพื้นที่บ้านผ่านศึก ต.ผ่านศึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว นอกจากนี้ ช่วงกลางดึกวันที่ 12 ส.ค. กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด โดยชุดควบคุมทหารพรานที่ 2 กองร้อยทหารพรานนาวิกโยธินที่ 524 (ร้อยบ้านแหลม) จับกุมชาวกัมพูชาอีก 46 คน จากการสอบสวนพบว่า หลังจากเดินทางกลับกัมพูชาแล้วไม่มีงานทำ จึงหาทางกลับเข้ามาทำงานในประเทศไทยผ่านช่องทางผิดกฎหมายคุย รมว.กต.จีน–กัมพูชา แก้ปัญหาทุ่นระเบิดที่เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐ ประชาชนจีน เมื่อวันที่ 14 ส.ค. นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างเดินทางเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 10 ระหว่างวันที่ 13- 15 ส.ค. เปิดเผยว่า ได้ตอบรับคำเชิญของนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน เพื่อเข้าร่วมการจิบน้ำชาและหารืออย่างไม่เป็นทางการ ระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศจีน ไทย กัมพูชา ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ ตนได้แสดงความขอบคุณต่อบทบาทที่สร้างสรรค์ของจีน ในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชาอย่างสันติ ผ่านกลไกทวิภาคีต่างๆ และการบังคับใช้ให้เกิดการดำเนินการตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยได้รับการสนับสนุนของอาเซียนและยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่ไทย-กัมพูชา ต้องร่วมมือกันในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามแนวชายแดน ที่เป็นก้าวสำคัญในการลดความตึงเครียด ฟื้นฟูความเป็นปกติสุขในพื้นที่ชายแดน ขอขอบคุณนายหวัง อี้ สำหรับการสนับสนุนในประเด็นนี้ คาดว่าจะมีการหารือกันในการประชุม RBC เร็วๆนี้ และในการหารือกันยังมีอีกประเด็นหนึ่งที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องร่วมกันคือ ความจำเป็นที่จะต้องหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนในสื่อโซเชียลส.อ.หลั่งน้ำตาร่ำไห้ซึ้งน้ำใจคนไทยที่ รพ.สุรินทร์ วันเดียวกัน ส.อ.ธีรพล เพียขันที อาสาสมัครทหารพราน สังกัดทหารพรานจู่โจมที่ 2610 ที่บาดเจ็บขาซ้ายขาดจากการเหยียบกับระเบิด ขณะนี้อาการดีขึ้นแต่ยังต้องนอนรักษาตัวอยู่ใน รพ. เผยกับผู้สื่อข่าวถึงนาทีเหยียบทุ่นระเบิด PMN 2 ขณะออกลาดตระเวนบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก ว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับคำสั่งให้กางลวดหนามป้องกันฐานตัวเอง ในระยะที่ไกลกว่า 30 เมตร จึงพากันเดินสำรวจพื้นที่ในช่วงเช้า เพื่อที่ช่วงบ่ายจะกางลวดหนาม เส้นทางที่เดินเป็นเส้นทางที่ปลอดภัยและเดินลาดตระเวนอยู่ประจำ วันนั้นกัมพูชาวางระเบิดไว้ 4 ลูก ตนเดินนำหน้าจึงเหยียบลูกแรก ต่อมา จนท.ชุด EOD เข้าไปตรวจสอบพบอีก 3 ลูก แสดงว่าทหารกัมพูชาเฝ้าดูเราตลอด หลังเหยียบทุ่นระเบิดจนขาซ้ายขาด ยังโดนสะเก็ดระเบิดฝังตามร่างกายอีกมาก ตอนนี้อยากจะกลับไปรบอีกและจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น ตนอยู่แนวหน้า ได้เห็นพี่น้องชาวไทยนำสิ่งของมามอบให้ทหาร ทั้งของกินของใช้มีทุกอย่าง เมื่อพูดถึงตอนนี้ ส.อ.ธีรพลก็ร่ำไห้พร้อมปาดน้ำตาด้วยความตื้นตันใจและกล่าวว่า สิ่งของที่ได้รับทุกฐานแบ่งเท่ากันหมด ขอบคุณคนไทยทั้งประเทศที่ส่งกำลังใจมาให้พวกเราช็อกบ้านโดนระเบิดกัมพูชาพังพินาศที่ จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำรวจบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่ถูกสะเก็ดระเบิดตกใส่พังเสียหายยับเยินทั้งหลังจนไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ น.ส.สรัญญา วรรณสิม อายุ 42 ปี เจ้าของบ้าน เล่าว่า บ้านหลังนี้มีแม่อาศัยอยู่คนเดียว ส่วนตนไปรับจ้างทำงานที่กรุงเทพฯ ก่อนมีเหตุปะทะได้ให้แม่อพยพหนีภัยไปอยู่กับป้าที่ จ.อุบลราชธานี เพราะกลัวทหารกัมพูชาจะยิงระเบิดใส่ เนื่องจากบ้านอยู่ห่างจากจุดปะทะภูมะเขือเพียง 10 กว่ากิโลเมตร หลังเหตุการณ์สงบวันที่ 5 ส.ค.เข้ามาดูบ้าน พอเห็นสภาพบ้านถึงกับเข่าอ่อนร้องไห้ทันที เพราะบ้านพังเสียหายไม่มีชิ้นดี ได้ไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ทราบและมีการมาตรวจสอบความเสียหายแล้ว รอรัฐบาลว่าจะช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร บ้านหลังนี้เก็บเงินอยู่หลายปีกว่าจะสร้างได้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะหาเงินที่ไหนมาสร้างใหม่EOD ลุยทำลายจรวดฝังดินลึก 7 เมตรที่ จ.บุรีรัมย์ วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (TMAC) ศูนย์บัญชาการทางทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย ร่วมกับหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD กองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ทำลายจรวด BM-21 ที่ผู้นำกัมพูชาสั่งให้ทหารยิงเข้ามาฝั่งประเทศไทยเป้าหมายพลเรือน ระหว่างการปะทะกันตั้งแต่วันที่ 24-28 ก.ค. อำเภอที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ อ.บ้านกรวด มีจรวดเข้ามาตกในพื้นที่ถึง 252 ลูก โดยตกอยู่ในพื้นที่ชุมชน บ้านเรือน พื้นที่ทางการเกษตร ในจำนวนนี้ไม่ระเบิด 9 ลูก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD กก.สืบสวน ภ.จ.บุรีรัมย์ ยังขาดแคลนและมีความต้องการชุดอุปกรณ์เกี่ยวลากวัตถุต้องสงสัยระยะไกล (Hook and Line) เพื่อนำมาใช้ในการเก็บกู้ เนื่องจากที่มีอยู่ไม่เพียงพอ เนื่องจากกระสุนปืนใหญ่และจรวด BM-21 ที่ตกลงมาฝังลึกอยู่ในชั้นผิวดินมากกว่า 1-7 เมตร ยากต่อการเก็บกู้นำมาทำลายเผยเล็งเป้าหมายพลเรือนไทยขณะที่ พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผบก.บุรีรัมย์ เผยว่า ลูกจรวดทั้งหมดเป็นของทหารกัมพูชา ที่ยิงเข้ามาฝั่งประเทศไทย ส่วนใหญ่จะเล็งเป้าหมายมายังพลเรือนไทย ทำให้มีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งและมีบ้านเรือนชาวบ้านเสียหายเป็นจำนวนมาก ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจรวดตกตรงจุดไหนบ้าง คาดว่ายังคงค้างอยู่แน่นอน จึงฝากแจ้งเตือนประชาชนหากพบความผิดปกติบนที่ทำการเกษตร ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ด่วนผ่านศูนย์ 191 ตลอด 24 ชม.กัมพูชานำผู้สังเกตการณ์ 7 ปท.ดูชายแดนด้าน พล.ท.มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา แถลงว่า สถานการณ์โดยรวมบริเวณชายแดนในจังหวัดพระวิหาร จังหวัดอุดรมีชัย และจังหวัดบันทายมีชัย จนถึงเวลา 06.00 น. วันที่ 14 ส.ค.ยังคงสงบ แต่กองกำลังของกัมพูชายังคงปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ขณะเดียวกันยังย้ำว่ากัมพูชาเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. อย่างเคร่งครัด พร้อมเสริมว่าได้นำ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวจาก 7 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย บรูไน อินโดนีเซีย ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เดินทางไปสังเกตการณ์สถานการณ์ด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งชายแดนกัมพูชา-ไทย ได้แก่ จังหวัดพระตะบอง จังหวัดบันเตียเมียนเจย (บริเวณด่านชายแดนปอยเปต ด่านโอเบยจอน และด่านบึงตระกวน) รวมทั้งด่านอานเซส ในจังหวัดพระวิหารฝูงโดรนกัมพูชาบินว่อนล้ำแดนกว่า 100 ลำเมื่อวันที่ 14 ส.ค. ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ เวลา 14.00 น. ว่า สถานการณ์โดยรวม เจ้าหน้าที่ตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ในพื้นที่ ตอนใน จ.สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี นครราชสีมา ร้อยเอ็ด จำนวน 94 ลำ พื้นที่ตามแนวชายแดน 5 พื้นที่ จำนวน 25-30 ลำ บินเข้ามาในเขตอธิปไตยไทย และตรวจพบความเคลื่อนไหวทหารกัมพูชา พยายามเข้ามาเกาะแนวลวดหนามหีบเพลงบริเวณฐานปฏิบัติการฝ่ายเราทั้งพยายามที่จะข้ามลวดหนามเข้ามา ฝ่ายเราดำเนินการปฏิบัติตามกฎการปะทะ ทหารกัมพูชาจึงถอยออกไปจากพื้นที่ ปัจจุบันไม่มีการปะทะ ฝ่ายเรายังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในเขตอธิปไตยของไทย มีการเตรียมพร้อมและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยยึดมั่นตามข้อตกลงของการประชุม GBC ที่ผ่านมาจัดชุดทำลายระเบิดตกค้าง 269 พื้นที่ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 รายงานอีกว่า ส่วนการทำพื้นที่ให้ปลอดภัย จัดชุดทำลายล้างวัตถุระเบิด หรือชุด EOD เข้าตรวจสอบพื้นที่ ทำลายวัตถุระเบิดที่ยังตกค้าง โดยได้ตรวจสอบแล้ว 269 พื้นที่ รอการตรวจสอบ 43 พื้นที่ อยู่ระหว่างรอทำลาย 9 พื้นที่ เน้นย้ำประชาชนหากพบวัตถุต้องสงสัยให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทันที เพื่อเข้าตรวจสอบต่อไป งานด้านกิจการพลเรือน การประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน กองทัพภาคที่ 2 โดย กองกำลังสุรนารี จัดชุดปฏิบัติการด้านกิจการพลเรือน กองกำลังสุรนารีที่ 216 ถึง 222 จำนวน 7 ชุด ลงพื้นที่ใน จ.บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี เพื่อประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจกับประชาชน ป้องกันการเกิดความเข้าใจผิดและความตื่นตระหนกจากกระแสข่าวปลอม ที่อ้างว่าจะมีการปะทะรอบที่2 โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนที่อพยพเข้ามาในพื้นที่เพื่อให้ได้รับข้อมูลถูกต้องขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากหน่วยงานของรัฐ กองทัพบกและกองทัพภาคที่2อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่