เรื่องผีๆในเมืองไทย มีคนเชื่อมากถึงขั้นเอาไปใช้หากินกันจนร่ำรวย แต่ผีจะมีจริงหรือไม่? หรือผีเคยหลอกคนให้ถึงตาย... ยังไม่เคยมี จะมีก็แค่ที่พูดกันติดปากว่า ผีหลอกจนหัวโกร๋นในเมืองจีนมีเรื่องผี...ที่จริงๆแล้วไม่ได้หลอกคน แต่คนกลัวหนีผีไปเองจนถึงตาย บันทึกไว้ในหนังสือเก่า พบในหีบหนังสือวังจิ่งหยวนกง กรุงปักกิ่ง ระบุเพียง หงอิ้งหมิง คนสมัยราชวงศ์หมิง เขียนครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ทางใต้ของปากแม่น้ำเซี่ยสุ่ย มีชายคนหนึ่ง ชื่อจวนซู่เหลียง เพื่อนบ้านรู้กันเป็นคนใจร้อน ตื่นตกใจง่ายๆคืนหนึ่งเดือนหงายส่องสว่าง เขากำลังเดินทางกลับบ้าน กำลังเดินเพลินๆ แว่บหนึ่งเขาหันไปมองด้านหลัง เห็นเงาตัวเองเดินตาม เขาคิดว่าเป็นผีร้ายไล่เอาชีวิตจึงวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตยิ่งวิ่งหนี ผีร้ายก็ดูจะยิ่งวิ่งตามติด จวนซู่เหลียง เพิ่มความเร็วของฝีเท้า จนถึงหน้าประตูบ้าน เขาก็ใช้เรี่ยวแรงเฮือกสุดท้าย กระโดดโครมเข้าไปและเขาก็หมดแรง สิ้นสติ สิ้นชีวิตอยู่ตรงปากประตูบ้านของเขานั่นเองผู้รู้สมัยราชวงศ์หมิง ไม่ได้รู้แค่เรื่องจวนซู่เหลียงที่เกิดขึ้นในสมัยตัวเอง เขายังรู้ย้อนหลังไปในสมัยราชวงศ์จิ้นเล่อกวงมีเพื่อนคนหนึ่งที่กำลังนั่งร่วมวงเหล้า เห็นเงาคันธนูอยู่ในถ้วยเหล้า ก็เห็นเป็นงูเล็กว่ายกระเพื่อม เขาตกใจล้มป่วย ลุกขึ้นไม่ขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานยังมีเรื่องเล่า ที่ไม่ระบุตัวตน แต่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง คนบางคน เห็นก้อนหินก้อนหนึ่งตอนกลางคืน เป็นเสือตัวใหญ่นอนหมอบซุ่มรอกินคน อีกหลายคน เห็นต้นไม้ในป่า เป็นพวกคนป่าที่ออกมาซุ่มรอถลกหนังหัวคนแต่ในมุมตรงกันข้าม มีคนที่ระบุตัวตน เชื่อขงจื่อกุย ตำแหน่งเป็นถึงเสนาธิการพระเจ้าฉีเกาตี้ สมัยราชวงศ์ใต้ เขาเขียนบทกวีไว้บทหนึ่งไพเราะมากคืนนั้น เขานั่งดื่มเหล้าเก่าเก็บอยู่คนเดียว อยู่บนกอหญ้า ริมสระน้ำในสวนหลังบ้าน เสียงกบเขียดดังมาจากสระน้ำนั้น เสียงเหล่านี้เพื่อนๆบางคนที่เคยมาร่วมวงเหล้ารังเกียจว่ามันร้องหนวกหูแต่ขงจื่อกุยกลับหัวเราะบอกว่า “เสียงดนตรีไพเราะเสนาะหูเช่นนี้ ไฉน? ท่านไม่ได้ยิน”จริงทีเดียวคนที่หัวใจถูกปิดกั้น ฟังเพลงที่กบเขียดบรรเลงไม่ได้ยินจะมีก็น้อยคน หรือคนอย่างขงจื่อกุยเท่านั้นที่จะสามารถเห็นพลังชีวิตอันเปี่ยมไปด้วยพลังอันเริงรื่นของสรรพสิ่งยังมีคนดังในสมัยราชวงศ์จ้าว ยุคหลัง ชื่อซีหู เขาคนนี้ประวัติศาสตร์บันทึกว่า มองโลกในแง่งามได้อย่างเหลือเชื่อ เมื่อเจอเสือร้ายที่มีประวัติไล่ล่ากินคนตายเป็นเบือเขาก็ยิ้มออกบอกว่า เขาสามารถที่จับตัวมันมาดัดสันดานให้กลายเป็นนกนางนวลที่แสนเชื่องได้ง่ายๆเรื่องเล่าๆผีเงา หลายยุคสมัย จึงกลายเป็นบทสรุปคำสอน ...คนเหี้ยมเกรียมมุทะลุเห็นเงาคันธนู ก็คิดว่าเป็นงูในถ้วยเหล้า เห็นก้อนหินวางนอน ก็คิดว่าเป็นเสือหมอบซุ่มส่วนคนสุขุมเยือกเย็น เสือโหดก็จะกลายเป็นนกนางนวล เสียงกบเขียดก็กลายเป็นเสียงดนตรีสำหรับคนพวกนี้ สิ่งที่สัมผัสเป็นความจริงแท้ พิสูจน์ว่า ภาพลักษณ์เกิดจากใจ ดับหายไปตามจิต จึงยืนหยัดอยู่ในโลกได้อย่างมีความสุขเหนือคนทั้งหลาย.กิเลน ประลองเชิงคลิกอ่านคอลัมน์ “ชักธงรบ” เพิ่มเติม