พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยกำลังพลและประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทรงให้กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการ เร่งสำรวจความเสียหายและดำเนินการฟื้นฟูโดยเร่งด่วน ด้านกองทัพภาค 2 เผยชุด EOD ทำลายระเบิดตกค้างได้ 17 พื้นที่ เหลืออีกเพียบ 63 พื้นที่ ขณะที่มีจุดน่าห่วงคาดระเบิดตกในไร่อ้อย-ท้องนา ทำให้ตรวจสอบยาก ขณะเดียวกันหลายพื้นที่ชายแดนยังพบโดรนไม่ทราบฝ่ายบินว่อน ลามถึงตัวเมืองโคราช มีเจอชัดเจนล้ำแดนไทยที่ชายแดนอรัญประเทศ รมว.ศึกษาฯเป็นประธานพระราชทานเพลิงศพ 7 เหยื่อจรวดเขมรแล้วสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา แม้ผ่านช่วงเวลาการหยุดยิงตามข้อตกลงระหว่างทหารไทยกับกัมพูชาเป็นวันที่ 6 ในวันที่ 3 ส.ค. แต่ภาพรวมยังตึงเครียด หลังพบทหารกัมพูชาเสริมกำลังเข้าประชิดชายแดนอย่างต่อเนื่องมทภ.2 ประชุม 20 ผู้ว่าฯอีสานเมื่อวันที่ 3 ส.ค. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ (2 ส.ค.) ได้มีการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดภาคอีสานผ่านระบบ VTC เรื่องมาตรการกำจัดโดรน ให้ผู้ว่าฯแต่ละจังหวัดในฐานะ ผอ.กอ.รมน.จังหวัด ให้แต่ละหน่วยงานบูรณาการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและภาคเอกชน ประชาชน จัดหาเครื่องแอนตี้โดรนป้องกันจังหวัดของตัวเอง โดยเฉพาะเพ่งเล็งในพื้นที่สำคัญ อาทิ ศาลากลางจังหวัด สนามกีฬา คลังอาวุธ สถานีตำรวจ สถานีขนส่ง และสนามบิน นอกจากนี้ให้มีการจัดชุดลาดตระเวนพิสูจน์ทราบบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ หากสามารถควบคุมตัวได้ให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดในทุกประเด็น เช่น ก่อการร้าย ไส้ศึกโทษหนักสุดถึงขั้นประหารชีวิต คงต้องไปดูข้อกฎหมายจับได้ต้องสาวถึงต้นตอแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ได้กำชับ ห้ามปล่อยตัวง่ายๆต้องตรวจสอบไปถึงต้นตอคนอยู่เบื้องหลัง คาดว่าน่าจะมีมือที่สามที่ได้รับผลกระทบมาจากการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ บ่อนการพนัน ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อมาข่มขู่ ก็เป็นไปได้ทั้งหมด หากพบว่าเป็นคนต่างประเทศ ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดในประเทศไทยก่อน หลังสิ้นสุดคดีให้เนรเทศ พร้อมขึ้นแบล็กลิสต์ ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้อีก ส่วนสถานการณ์ในภาพรวมชายแดนไทย-กัมพูชา หลังทหารกัมพูชา มีการเพิ่มเติมกำลังต่อเนื่องว่ากำลังฝ่ายไทยมีความเตรียมพร้อมตลอด 24 ชั่วโมงล้ำแดนไทยทำลายได้ทันทีด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯในฐานะคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย- กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยขอเตือนกองกำลังของกัมพูชาที่ใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินเข้ามาในอาณาเขตอธิปไตยไทย จะดำเนินการทำลายทันทีเมื่อรุกล้ำอธิปไตย ทั้งนี้ รัฐบาลไทยโดยกองทัพบกและฝ่ายความมั่นคงได้ยกระดับมาตรการแอนตี้โดรนอย่างเป็นรูปธรรม โดยเมื่อวันที่ 2 ส.ค. พล.ท.บุญสิน พาดกลาง มทภ.2 ได้ประชุมร่วมกับ ผวจ.ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้ง 20 จังหวัด เพื่อกำชับมาตรการป้องกันและควบคุมการใช้โดรนในทุกพื้นที่ สั่งการให้ทุกจังหวัดบูรณาการการทำงานร่วมกับตำรวจ ภาคเอกชน และประชาชนในการดำเนินการแอนตี้โดรน และจัดตั้งชุดลาดตระเวน เพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัย รวมถึงดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดตามกฎหมาย หากพบพฤติการณ์ที่เข้าข่ายก่อการร้ายหรือเป็นสายลับ ซึ่งมีโทษร้ายแรงถึงขั้นประหารชีวิตซัด “มาลี” โกหกบิดเบือนข้อมูลนายจิรายุกล่าวอีกว่า กรณี พล.ท.มาลี โฆษกกลาโหมกัมพูชา ออกมาเบี่ยงเบน กล่าวหาไทยมีการส่งโดรนล่วงล้ำน่านฟ้ากัมพูชานั้น ยืนยันไทยไม่มีนโยบายใช้โดรนเพื่อรุกล้ำอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน ขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาแสดงความจริงใจ หลีกเลี่ยงให้ข้อมูลที่บิดเบือนต่อสื่อหรือประชาคมโลกเร่งจัดการระเบิดเขมรตกค้างสำหรับสถานการณ์ในจังหวัดที่มีการปะทะกับทหารกัมพูชาเมื่อวันที่ 24-28 ก.ค.ที่ผ่านมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพบหลายพื้นที่มีความเสี่ยงจากกระสุนปืนใหญ่จากจรวด BM-21 ที่ตกลงมาในเขตแดนไทยจำนวนหลายร้อยลูก แต่ยังไม่ระเบิด โดยใน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ เจ้าหน้าที่ปกครองและส่วนที่เกี่ยวข้องเร่งเข้าตรวจสอบในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง หลังมีข้อมูลว่ามีกระสุนปืนใหญ่และแบบจรวดหลายลำกล้องของกัมพูชาตกมาในพื้นที่กว่า 141 ลูก และเบื้องต้นมีลูกจรวดที่ยังไม่ระเบิดกว่า 6 ลูก ส่วนมากตกมาในหมู่บ้าน ถนน และเรือกสวนไร่นาของชาวบ้าน โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต เนื่องจากได้อพยพออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่เร่งจัดการเก็บกู้หรือทำลายทิ้ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดหวั่นระเบิดตกนาข้าวทำตรวจยากส่วนที่ จ.บุรีรัมย์ หน่วย EOD ยังคงทำงานอย่างหนัก เพราะต้องเข้าไปค้นหาจุดต้องสงสัยที่ลูกจรวด BM-21 ตกตามชุมชน เบื้องต้นเก็บกู้ลูกจรวด BM -21 ที่ตกตามหมู่บ้านได้เกือบทั้งหมดแล้ว ยังมีชาวบ้านแจ้งเข้าไปยังหน่วย EOD อย่างต่อเนื่องว่าพบมีความผิดปกติตามไร่นาของเกษตรกร เจ้าหน้าที่จะต้องใช้อุปกรณ์ค้นหาตามจุดที่เกษตรกรแจ้งมา เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะเป็นนาข้าว ทั้งนี้ นายกิตติกร ลอยประโคน ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 6 บ้านโคกงิ้ว ต.บ้านกรวด กล่าวว่าลูกจรวด BM-21 มาตกในหมู่บ้านตอนนี้นับได้ 13 ลูก จากทั้งหมด 240 ลูก ที่ตกในตำบลและตรวจพบ ยังไม่แน่ใจว่านอกหมู่บ้านแล้วจะไปตกตามทุ่งนามากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะไร่อ้อยของเกษตรกรจะมีลักษณะเป็นป่าทึบ เกษตรกรส่วนใหญ่จะไม่ได้เข้าไปอยู่แล้ว มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะตกตามนาข้าวหรือไร่อ้อยแต่ยังหาไม่พบเหลือระเบิดตกค้าง 63 พื้นที่ต่อมาศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 3 ส.ค. ณ เวลา 14.00 น. ว่า ภาพรวมสถานการณ์ ปัจจุบันไม่มีเหตุการณ์ แต่ยังคงพบการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายเรายังคงวางกำลังตามแนวพื้นที่ปฏิบัติการตามแผน ส่วนการดูแลผู้อพยพ ส่วนราชการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ยังคงให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกในพื้นที่อพยพทั้ง 495 จุดใน 4 จังหวัด มียอดรวม 100,270 คน จัดชุดตรวจสุขภาพ และจัดสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นแจกจ่ายให้กับประชาชน รวมถึงการจัดกิจกรรมสันทนาการ ขณะที่การทำพื้นที่ให้ปลอดภัย จัดชุดทำลายล้างวัตถุระเบิดหรือ EOD เข้าตรวจสอบพื้นที่เพื่อทำลายวัตถุระเบิด ที่ยังตกค้าง ปัจจุบันได้ทำลายไปแล้ว 17 พื้นที่ คงเหลือ 63 พื้นที่ในหลวงทรงห่วงใย ปชช.ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 รายงานว่าสำหรับกรณีจิตอาสาพระราชทาน พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ในความห่วงใยต่อกำลังพลและประชาชนของพระองค์ท่านที่ได้รับความเดือดร้อน โดยทรงให้ กองทัพบกร่วมกับส่วนราชการ เร่งดำเนินการสำรวจความเสียหาย และดำเนินการฟื้นฟูโดยเร่งด่วน ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกับมณฑลทหารบกที่ 26 และภาคประชาชนได้ร่วมดำเนินการก่อสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับครอบครัว ของสิบตรี ธีรยุทธ กระจ่างทอง เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ปะทะ ณ ฐานตาฮอง 2 ต.เสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี พระราชทานถุงยังชีพ และพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อนำไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน พระเจ้า วรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ ประทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ โดยจังหวัดจัดหาถุงยังชีพ จำนวน 1,263 ชุด และซื้อวัตถุดิบในการปรุงอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัย มีการจัดกำลังจิตอาสา 904 จิตอาสาพระราชทาน และจิตอาสา เข้าอำนวยความสะดวกประชาชนในศูนย์ พักพิงชั่วคราว และช่วยขนย้ายสิ่งของ รวมทั้งช่วยในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชน ได้รับทราบ พร้อมการจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน ในพื้นที่ 4 จังหวัด ประกอบด้วย บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานีทำลายบันไดเขมรทำขึ้นภูมะเขือขณะเดียวกัน มีรายงานจากเพจต่างๆ กรณีทหารไทยใช้โดรนติดระเบิดเข้าทำลายบันไดบริเวณช่องคานม้า จ.ศรีสะเกษ ที่สามารถขึ้นถึงภูมะเขือได้ หลังทหารไทยเข้ายึดพื้นที่ภูมะเขือและผลักดันทหารกัมพูชาที่อยู่บนหน้าผาออกไปทั้งหมด การทำลายบันไดเหล็กและสิ่งปลูกสร้างที่เชื่อมขึ้นสู่ยอดภูมะเขือเท่ากับการปิดช่องทางสู่จุดสูงที่ใช้สังเกตการณ์และวางกำลังของฝ่ายตรงข้าม เป็นการป้องกันเชิงรุกและเป็นการเข้าควบคุมพื้นที่อย่างเบ็ดเสร็จยอดพลเรือนเจ็บตายคงที่ วันเดียวกัน นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ข้อมูล ณ เวลา 10.00 น. วันที่ 3 ส.ค.ในส่วนของพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีผู้เสียชีวิตสะสม 14 รายเท่าเดิมจากเหตุความรุนแรงชายแดนโดยตรง และผู้เสียชีวิตทางอ้อม เป็นการทำร้ายตัวเอง 1 ราย ผู้บาดเจ็บสะสม 38 รายเท่าเดิม โดยเป็นผู้บาดเจ็บสาหัส 12 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 13 ราย ขณะนี้ยังคงรักษาตัวในโรงพยาบาล 9 ราย แบ่งเป็น บาดเจ็บสาหัส 6 ราย รักษาตัวใน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ 1 ราย รพ.ศรีสะเกษ 4 ราย รพ.สุรินทร์ 1 ราย และบาดเจ็บปานกลาง 3 ราย รักษาตัวใน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ 1 ราย รพ.ศรีรัตนะ 1 ราย รพ.เบญจลักษ์ 1 ราย7 รพ.ยังปิดให้บริการนพ.วรตม์กล่าวอีกว่า โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบมี 20 แห่งเท่าเดิม โดยโรงพยาบาลที่ยังคงปิดให้บริการทั้งหมด 7 แห่ง ได้แก่ 1.รพ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี 2.รพ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี 3.รพ.นาจะหลวย จ.อุบลราชธานี 4.รพ.กันทรลักษ์ จ.ศรี สะเกษ 5.รพ.พนมดงรักฯ จ.สุรินทร์ 6.รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และ 7.รพ.ละหารทราย จ.บุรีรัมย์ ส่วนโรงพยาบาลที่เปิดให้บริการบางส่วน จำนวน 9 แห่ง ที่เปิดเพิ่มคือ โรงพยาบาลกาบเชิง จ.สุรินทร์ โดยเปิดให้บริการแผนกฉุกเฉิน ส่วนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบ 149 แห่ง เปิดตามปกติแล้ว 33 แห่ง เปิดบางส่วน 11 แห่ง ปิดให้บริการ 105 แห่ง ส่วนการดูแลกลุ่มเปราะบาง มีจำนวน 32,713 คน ลดลง 2,413 คน ด้านการดูแลสภาพจิตใจของประชาชน มีการคัดกรองประชาชนสะสม 67,918 คน พบมีความเครียดสูง 4,232 คน มีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย 395 คนสุรินทร์เจอโดรนลึกลับส่วนปัญหาที่พบในหลายจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชาในขณะนี้คือ การพบโดรนไม่ทราบฝ่าย โผล่มาในช่วงค่ำ มีรายงานว่าเมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 2 ส.ค.ชาวบ้านพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรนกว่า 10 ลำ บนท้องฟ้าในหลายตำบลของ อ.ปราสาท อ.ลำดวน และ อ.เมืองสุรินทร์ แจ้งกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ให้ตรวจสอบ แต่ไม่พบและชาวบ้านไม่ได้ถ่ายภาพไว้ นอกจากนี้ ที่บริเวณหมู่บ้านหลักวอ ต.นอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ เมื่อเวลา 21.30 น. ผู้สื่อข่าวรายงานพบวัตถุต้องสงสัยคล้ายโดรน 2 ลำบินลอยอยู่บนฟ้า เคลื่อนตัวบินวนรอบไปมา มุ่งหน้าไปยังศูนย์ราชการภายในตัวเมืองสุรินทร์ทหารเก็บชิ้นส่วนตรวจสอบผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า คืนก่อนหน้านั้น ในเขตพื้นที่ อ.เมืองสุรินทร์ พบโดรนปริศนาประมาณ 8 ลำ มีรายงานว่าถูกยิงตก 1 ลำ บริเวณพื้นที่ของเรือนจำสุรินทร์ อยู่ระหว่างค้นหาและตรวจสอบ ต่อมาผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ตำบลนอกเมือง อ.เมืองสุรินทร์ ว่าเมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ทุกคนในบ้านกำลังจะเข้านอน ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นเป็นชุด ไม่นานก็มีเสียงของเศษชิ้นส่วนบางอย่างตกลงมาบนหลังคาบ้านและร้านอาหาร เสียงคล้ายกับคนปาก้อนหินใส่หลังคา ตรวจสอบตอนกลางคืน ยังไม่พบอะไร พอตอนเช้าออกเดินตรวจดูทั่วบริเวณร้านอีกครั้ง พบเศษชิ้นส่วนเป็นรูปกรวย ขนาดความยาวประมาณ 10 ซม. กว้าง 4-5 ซม.ตกอยู่ที่สนามเด็กเล่น ไม่ทราบว่าเป็นชิ้นส่วนอะไร แต่ทหารได้เข้ามาเก็บไปตรวจสอบแล้วจว.จัดชุดออกไล่ล่าต่อเนื่องด้านนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า เรื่องโดรนที่บินขึ้นหลายพื้นที่นั้น มีมาตรการป้องกันและไล่ล่าต่อเนื่องมา 3 วันแล้ว เนื่องจากมีโดรนบินเข้ามาในพื้นที่เศรษฐกิจ ใกล้ส่วนราชการ พื้นที่จังหวัดสุรินทร์และตามพื้นที่อำเภอต่างๆ เรามีการดำเนินการจัดชุดจากฝ่ายปกครองตำรวจและหน่วยงานความมั่นคง ออกติดตามไล่ล่าแล้ว หากพบสามารถยิงได้เลย ใน 2 วันที่ผ่านมาทหารยิงโดรนหลายครั้ง และเมื่อคืนที่ผ่านมามีการปรับแผนทางยุทธวิธีจัดการโดรน และทางจังหวัดได้ทำหนังสือขอผู้เชี่ยวชาญจาก กทม.เข้ามาช่วยในพื้นที่แล้วคาดผู้ไม่หวังดีส่งมาป่วนผวจ.สุรินทร์กล่าวอีกว่า โดรนที่พบน่าจะขึ้นอยู่ที่บ้านเรา คนบังคับโดรนอยู่ห่างจากตัวโดรนประมาณ 5-10 กม.สันนิษฐานได้ 2 อย่าง 1.คนที่ลงทะเบียนกับ กสทช.ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ที่มีอยู่ 828 ราย ลงทะเบียนอย่างถูกต้อง และที่ไม่ลงอาจมีอยู่บ้าง ยังไม่มีข้อมูล มีประกาศชัดเจนว่าห้ามบินโดรนในช่วงนี้ หากบินจะผิดกฎหมาย หากโดรน บ้านเราขึ้นถือเป็นการรับจ้าง มีโทษหนักร้ายแรง 2.เป็นโดรนจากต่างประเทศที่มาปักหลักตอนไหนเราไม่รู้หรืออาจแทรกซึมเข้ามาช่วงที่มีปัญหาชายแดน ณ ขณะนี้ได้มีการประชาสัมพันธ์ไปยังผู้นำหมู่บ้าน ชุด ชรบ.ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองก็ได้ตั้งชุดไล่ล่าแล้ว หากเจอ ยิงได้ทันที ตอนนี้ยังจับคนที่ขึ้นบินไม่ได้ ได้แค่สันนิษฐานว่าขึ้นบินเพื่อจับพิกัดสถานที่สำคัญๆ เพื่อส่งให้กับฝ่ายที่มีอาวุธทำลายล้างสูง โดรนที่บินขึ้นในช่วงนี้ ไม่ใช่ผู้หวังดีแน่นอนโดรนฝั่งเขมรล้ำชายแดนอรัญฯขณะที่ จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.00 น.ของวันที่ 2 ส.ค.บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา อ.อรัญประเทศ มีการแจ้งพบโดรนปริศนาเข้ามาในพื้นที่ โดยโดรนลำหนึ่งบินเข้ามาจากเขตชายแดนฝั่งกัมพูชา ล้ำเข้ามาในประเทศไทยลึกประมาณ 2 กิโลเมตร ขณะที่โดรนลอยอยู่เหนือพื้นที่ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้ใช้ไฟสปอตไลต์กำลังแรงร่วมกับแสงเลเซอร์จากอุปกรณ์ของทหาร ส่องไปยังโดรนปริศนา ทำให้เห็นลำตัวของโดรนอย่างชัดเจนโคราชเจอบินป่วนหลายจุดขณะที่ จ.นครราชสีมา มีรายงานว่า นายอำนวยศิลป์ มานะงาน นายอำเภอพระทองคำ รับแจ้งจากผู้นำชุมชนว่ามีราษฎร ต.พังเทียม พบเห็นสิ่งของที่ไม่มีชีวิตมีลักษณะคล้ายโดรนลอยอยู่บนท้องฟ้าจำนวนหนึ่ง ขณะนั้นกำลังปีนต้นไม้ ไม่ได้ถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน และเห็นว่าสิ่งของดังกล่าวได้ล่องลอยไปในทิศทางมุ่งหน้าไปทางบ้านปะคำ หมู่ 1 ต.สระพระ ผู้พบเห็นยืนยันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตและไม่ได้มีอาการตาพร่ามัวแต่อย่างใด ต่อมาสื่อโซเชียลกลุ่มเพจ อ.ด่านขุนทด เป็นเขตติดต่อ ได้แชร์ข้อมูลมีคนพบสิ่งของคล้ายโดรนเช่นกัน แต่จากการลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกันทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจและผู้นำชุมชน ยังไม่พบแต่อย่างใด ขณะที่กลุ่มเพจข่าวโคราชมีรายงานพบวัตถุปริศนาคล้ายโดรนบินวนบนท้องฟ้าเขต ต.จอหอ อ.เมืองนครราชสีมา จำนวน 3 ลำ ลักษณะบินเกาะกลุ่มรวมตัวกันมุ่งหน้าไปเส้นทางหลวงหมายเลข 304 ถนนราชสีมา-กบินทร์บุรี ที่ตั้งค่ายทหารและกองบิน 1 เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ในเขต ต.ในเมือง พบเห็นวัตถุปริศนาบินวนอยู่บริเวณสำนักงานชลประทานที่ 8 นครราชสีมา ก่อนจะมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก ละแวกตลาดเซฟวัน ทำให้สงสัยมีบุคคลผู้ไม่หวังดีบังคับโดรนขึ้นบินอยู่ในพื้นที่ความมั่นคงรัศมี 9 กม. แต่การตรวจสอบทั้ง 2 จุด ไม่พบข้อมูลที่สามารถยืนยันเป็นโดรนลักลอบบินแต่อย่างใดพระราชทานเพลิงเหยื่อระเบิดเขมรส่วนที่ศาลาพระพุทธคุณ วัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) พระอารามหลวง ตำบลเมืองเหนือ อำเภอเมืองศรีสะเกษ เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 3 ส.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการบำเพ็ญกุศลออกเมรุ พระราชทานเพลิงศพ น.ส.รุ่งรัศ ประชัน ด.ญ.ทักษพร ประชัน ด.ช.พงศภัค ประชัน ด.ช.กิตติศักดิ์ คำวัง นางอรุณรัตน์ วันศรี น.ส.สาวิตรี อ่อนทรวง และนายสมศรี ลาภบุญ พลเรือนที่เสียชีวิตจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานพิธี มีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์เป็นการสูญเสียที่ไม่ควรเกิดนางนฤมลกล่าวภายหลังร่วมพิธีว่า วันนี้ขอเป็นตัวแทนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) แสดงความอาลัยอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย ซึ่งนับเป็นการสูญเสียที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ผู้เสียชีวิตหลายรายยังอยู่ในวัยเรียน ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเติบโตและสร้างอนาคต ศธ.จะดูแลเยียวยาจิตใจเพื่อนนักเรียน ครู และชุมชนรอบข้างที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด พร้อมประสานการให้ความช่วยเหลือในทุกด้าน เพื่อไม่ให้ใครต้องเผชิญความสูญเสียนี้เพียงลำพัง ขอให้ทุกครอบครัวเข้มแข็ง มีพลังใจเดินหน้าต่อไปด้วยความรักและกำลังใจจากคนไทยทั้งประเทศกระจายฌาปนกิจ 4 วัด 7 รายทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในพิธีพระราชทานเพลิงศพมีแต่ความโศกเศร้าและเสียงร่ำไห้ หลังวางดอกไม้จันทน์เสร็จแล้วมีการเคลื่อนหีบศพไปตามวัดที่จัดไว้เพื่อไปฌาปนกิจศพ สาธารณสุขจังหวัดศรีสะเกษได้จัดทีมดูแลด้านจิตใจแบ่งเป็น 4 ทีม กระจายออกไปดูแลครอบครัวญาติ พี่น้องของผู้สูญเสียในช่วงเวลาที่เผาร่างผู้เสียชีวิตที่วัด 4 แห่งในอำเภอเมืองศรีสะเกษ คือ ที่วัดมหาพุทธาราม พระอารามหลวง ฌาปนกิจร่างผู้เสียชีวิต 4 ราย ประกอบด้วย นางสาวรุ่งรัตน์ ประชัน เด็กหญิงทักษพร ประชัน เด็กชายพงศภัค ประชัน และเด็กชายกิตติศักดิ์ คำวัง ที่วัดหลวงสุมังคราราม พระอารามหลวง ฌาปนกิจ 1 ราย ได้แก่ นางสาวสาวิตรี อ่อนทรวง ขณะที่วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม พระอารามหลวง ฌาปนกิจ 1 ราย ได้แก่ นางอรุณรัตน์ วันศรี และที่วัดเพียงนาม ฌาปนกิจ 1 ราย ได้แก่ นายสมศรี ลาภบุญ รวมทั้งหมด 7 ราย ช่วงนำโลงศพขึ้นเมรุ และขึ้นเตาเผาศพบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า ญาติๆ ผู้มาร่วมงานต่างกอดรูปถ่ายผู้เสียชีวิตร้องไห้ดังระงมไปทั่วพระราชทานเพลิงศพทหารกล้าส่วนที่วัดไชยธราวาส บ้านตุใหญ่ ต.กาบิน อ.กุดข้าวปุ้น จ.อุบลราชธานี เวลา 16.00 น.พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเพลิงศพจ่าสิบเอกอโณทัย ป้องแก้ว วีรบุรุษทหารรบพิเศษ สังกัดกองพันปฏิบัติการพิเศษ กรมรบพิเศษที่ 3 (ฉก.90) ผู้สละชีพเพื่อชาติ จากเหตุปะทะในพื้นที่ปราสาทตาควาย อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 พิธีพระราชทานเพลิงศพจัดขึ้นอย่างสมเกียรติมีพลเอกทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธี มีพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นำหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ หน่วยงานภาครัฐ และประชาชนชาวจังหวัดอุบลราชธานี เข้าร่วมในพิธีด้วยความอาลัยร่วมมอบของ-ให้กำลังใจทหารผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ตลอดวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรี นักการเมือง ทั้ง สว.และ สส.เดินทางไปในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นำสิ่งของ ถุงยังชีพ ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการสู้รบ และเป็นกำลังใจให้ทหาร อาทิ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ และนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ เข้าเยี่ยมศูนย์พักพิงชั่วคราว 2 แห่งใน อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี และมอบถุงยังชีพ 1,000 ชุด พร้อมเยี่ยมและมอบสิ่งของจำเป็นให้แก่ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ด้าน น.ส.ญาณิกา เทียนทอง ภริยานายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะตัวแทนนักเรียน วปอ.บอ.รุ่นที่ 2 ที่ได้มอบเสื้อเกราะกันกระสุนหมวกเหล็กกันกระสุน เครื่องเวชภัณฑ์ พร้อมเงินจำนวนหนึ่งให้กับ ฉก.อรัญประเทศ จ.สระแก้วระดมช่วยครอบครัว ส.อ.ธีรยุทธนอกจากนี้ มีการระดมให้ความช่วยเหลือ ครอบครัวสิบเอกธีรยุทธ กระจ่างทอง ชาวบ้านยางโป่งสะเดา ต.ตาจง อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ที่เสียชีวิตจากการสู้รบที่ จ.ศรีสะเกษ บ้านเดิมมีสภาพเหมือนกระต๊อบ ไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้าใช้ มีเพียงโครงสร้างเป็นเสาบ้านและหลังคา ทำให้ต่อมานายปิยะ ปิจนำ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อม พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดบุรีรัมย์ และ พ.อ.สมโชค จันทาสี รอง ผอ.รมน.จังหวัด บ.ร. และรอง ผบ.มทบ.26 เดินทางไปตรวจสอบพบและกำลังเตรียมหาแนวทางช่วยเหลือ โดย สว.ฉัตวรรษเตรียมจะขอบริจาคจากเพื่อนสมาชิก สว.ด้วยกัน ยังไม่รู้ว่าจะได้เงินเท่าไหร่ ขณะที่มีรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.มหาดไทย แจ้งว่าจะเป็น ผู้รับสร้างบ้านใหม่ให้ครอบครัวของสิบเอกธีรยุทธ ทั้งหมด ทำให้นายกิมแดง และนางติน กระจ่างทอง พ่อแม่ของพลทหารธีรยุทธ ต่างดีใจและขอบคุณผู้ใหญ่ใจบุญที่เข้ามาช่วยเหลือให้ครอบครัวมีชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น โดยเฉพาะการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้เอามิเตอร์ไฟมาติดให้ใช้ไฟฟ้าได้เหมือนคนอื่นแล้ว“ทักษิณ” ควัก 1 ล.ช่วย ตชด.ช่วงเย็นวันเดียวกัน พล.ต.ต.สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ ผู้ช่วย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานนักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่นที่ 26 เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ตนและ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ในฐานะนายกสมาคมตำรวจ เป็นผู้แทนมอบเงินสนับสนุนเพื่อแสดงถึงความห่วงใยและให้กำลังใจตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ทุกนายที่เสียสละปกป้องแผ่นดินไทยจากเหตุการณ์ไทย-กัมพูชา นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อดีต นรต.26 ได้ร่วมบริจาคด้วยจำนวน 1 ล้านบาท มี พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รอง ผบช.ตชด. เป็นตัวแทนรับมอบที่ที่ทำการบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทก.ชทก.ตชด.กก.2 บก.กฝ.บช.ตชด. อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทราสื่อนอกชี้ชัด “ฮุน เซน” สั่งการรบนอกจากนี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกฯ กรรมการ ศบ.ทก. เปิดเผยว่ารัฐบาลไทยตรวจพบรายงานจากสื่อระดับโลก เช่น Reuters ที่เผยแพร่บทความเมื่อวันที่ 31 ก.ค. อ้างแหล่งข่าวทางการทูต 3 รายว่า สมเด็จฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาและประธานวุฒิสภาคนปัจจุบัน ยังคงมีบทบาทโดยตรงในการควบคุมและสั่งการด้านการทหารในสถานการณ์ชายแดนไทย—กัมพูชา โดยรายงานระบุว่า สมเด็จฮุน เซน ปรากฏตัวในโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ทั้งการสวมเครื่องแบบทหาร ประชุมกับผู้นำกองทัพ และเผยแพร่ข้อความที่มีเนื้อหาโจมตีประเทศไทยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขณะที่นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ที่เป็นบุตรชายกลับมีบทบาททางการเมืองที่เงียบลงอย่างเห็นได้ชัดชี้พ่อลูกตระกูลฮุนละเมิด รธน.นายจิรายุระบุอีกว่า ขณะที่นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ของไทย นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล ให้สัมภาษณ์ว่า พฤติกรรมสมเด็จฮุน เซน ในช่วงวิกฤติชายแดนไทย-กัมพูชา อาจเข้าข่ายละเมิดรัฐธรรมนูญ ที่ระบุหลักการสำคัญว่า กัมพูชาต้องไม่รุกรานประเทศอื่น และไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น ทั้งทางตรงและทางอ้อม กัมพูชาต้องแก้ไขปัญหาทางการเมืองด้วยสันติวิธี และดำรงความเป็นกลางอย่างถาวร กัมพูชาห้ามเข้าร่วมพันธมิตรทางทหารที่ขัดต่อหลักความเป็นกลาง กัมพูชาต้องไม่อนุญาตให้มีฐานทัพต่างชาติในประเทศ และห้ามมีฐานทัพของตนเองในต่างแดน เว้นแต่ในกรอบคำร้องของสหประชาชาติ กัมพูชาต้องยึดแผนที่มาตราส่วน 1 : 100,000 ที่เป็นแผนที่ที่ได้รับการรับรองในเวทีระหว่างประเทศไม่ใช่แผนที่ขนาด 1 : 200,000 ที่กล่าวอ้างในปัจจุบัน ซึ่งนาย ปริญญายังชี้ว่าการกระทำของสมเด็จฮุน เซน และนายกฯฮุน มาเนต ละเมิดทั้งกฎหมายระหว่างประเทศและขัดต่อรัฐธรรมนูญของกัมพูชาอย่างชัดเจน โดยการสั่งการให้รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน และการอ้างแผนที่ผิดฉบับจากที่กฎหมายกำหนดหวั่นส่งผลต่อเสถียรภาพภูมิภาคนายจิรายุกล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้ประชาคมโลกจับตาการใช้อำนาจที่อยู่นอกกรอบรัฐธรรมนูญของกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากการที่ผู้นำ ซึ่งพ้นวาระไปแล้ว ยังคงมีอิทธิพลเหนือกองทัพ และสั่งการปฏิบัติการทางทหาร อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในภูมิภาคอาเซียนอย่างรุนแรง รัฐบาลไทยยืนยันว่า ประเทศไทยมีจุดยืนชัดเจนยึดมั่นแนวทางสันติวิธี และเคารพอธิปไตยของประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมเรียกร้อง ให้ประชาคมอาเซียน และสื่อมวลชนระหว่างประเทศ ร่วมกันตรวจสอบบทบาทของบุคคลที่อยู่นอกโครงสร้างบริหารของกัมพูชา แต่ยังมีอิทธิพลในเชิงปฏิบัติที่อาจละเมิดกฎหมายภายในและกฎหมายระหว่างประเทศ อย่างร้ายแรงอาจเป็นอาชญากรสงครามอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่