ศาลอาญาพิพากษาจำคุก “เซปิง” 4 ปี ไม่รอลงอาญาฐานฉ้อโกงประชาชน-พ.ร.บ.คอมฯ และ ความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค หลังผู้เสียหายสาวร้อยเอ็ดหลงเชื่อโฆษณาทำเฟซออฟจนเสียโฉม ต้องเสียค่าผ่าตัดแก้ไข 3.8 แสนบาท ศาลปล่อยชั่วคราวหลังเจ้าตัวยื่นประกัน 2 แสนคุก 4 ปี “เซปิง” ทำสาวร้อยเอ็ดเสียโฉมวันที่ 31 ก.ค. ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.766/2562 ที่ น.ส.ยุพิน แสนคำ สาวร้อยเอ็ด ยื่นฟ้อง น.ส.เซปิง ไชยศาส์น กับพวกร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน มาตรา 341, 343 และฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) และฐานโฆษณาด้วยข้อความที่เป็นเท็จหรือเกินจริง พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภคโจทก์ระบุในคำฟ้องว่า ระหว่างเดือนสิงหาคม 2560-สิงหาคม 2561 จำเลยได้ทำโครงการเฟซออฟ รับปรึกษาจัดหาบริการผ่าตัดศัลยกรรมฝ่าฝืนกฎหมายอาญา โดยหลอกลวงโจทก์และประชาชนทั่วไปให้หลงเชื่อไปทำศัลยกรรมเฟซออฟ และใช้ข้อความอันเป็นเท็จว่า หากมาทำเฟซออฟกับบรรดาจำเลยซึ่งเป็นโรงพยาบาลชั้นนำระดับโลก จะไม่มีแผลเป็น และเกิดการบวมช้ำน้อย หรือไม่บวมช้ำเลย โจทก์หลงเชื่อเข้ารับการผ่าตัดดึงหน้าที่โรงพยาบาลศัลยกรรมชื่อดังดังกล่าว แต่หลังผ่าตัดโจทก์มีรอยแผลเป็นและมีอาการชา มีอาการเจ็บปวด คัน และมีปัญหาบิดเบี้ยว ใบหูยาวแหลม ใบหน้าเสียโฉมการกระทำดังกล่าวข้างต้นทำให้โจทก์ต้องเสียค่าผ่าตัดไป 368,500 บาท โจทก์ขอให้ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง และพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมาย รวมถึงขอให้จำเลยร่วมกันคืนเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ด้วย คดีในชั้นไต่สวนมูลฟ้องศาลมีคำสั่งประทับฟ้องเฉพาะ น.ส.เซปิง จำเลยที่ 1 เพียงคนเดียว วันนี้ น.ส.เซปิง จำเลย และนายภิญโญภัทร์ ชิดตะวัน ทนายความโจทก์เดินทางมาศาลศาลอาญาพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ลงโทษจำเลยที่ 1 ข้อหาฉ้อโกงประชาชน, พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา 14 และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 22, 47 เป็นความผิดกรรมเดียว ให้ลงโทษในอัตราโทษที่หนักสุด พิพากษาให้ลงโทษจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญาต่อมาศาลอาญาอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว น.ส.เซปิง จำเลย โดยตีราคาประกัน 200,000 บาทมีรายงานก่อนหน้านี้ศาลอาญาได้เคยมีคำพิพากษาจำคุก น.ส.เซปิงกับพวก จากโครงการเฟซออฟ อีกหลายสำนวนด้วยอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่