โค้งสุดท้ายโยกย้าย “โผนายพล” ปีนี้การพิจารณาแต่งตั้งต่างจากปีที่ผ่านมาที่การขยับตำแหน่งสูงขึ้นยึด “กฎเหล็ก” ทั้งกลุ่มแรก ผู้อาวุโส ไล่เรียงอาวุโส ลงมาถึงกลุ่มสอง ความรู้ ความสามารถ ไม่มีละเว้นอ้างเหตุผลให้เกิดความเป็นธรรม ป้องกันฟ้องร้อง ซึ่งมากเกินจำเป็นและไม่ได้เกิดประโยชน์สูงสุดกับปัญหาคนทำงานหลาย บช.และ บก. หน่วยแต่งตั้งคนที่ “อาวุโส” ขึ้นทำงานไม่ได้อย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีแรงจูงใจเมื่อเทียบกับกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่พร้อมทุ่มเทเอา “ผลงาน” เข้าแลกความเจริญก้าวหน้า ซึ่งไม่นับรวมเด็กเส้นนำมาสู่การแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. มอบ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย และ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม อดีตรอง ผบ.ตร. เชี่ยวชาญโครงการ กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินใช้ประกอบแต่งตั้งผู้ที่เหมาะสมขยับเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ผบช.ลงมาถึง ผบก. กลุ่มผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ร้อยละ 50 ของตำแหน่งว่าง จากเดิมกำหนดให้พิจารณาคำนึงอาวุโสเป็นหลัก ไม่ได้ยึดความรู้ความสามารถเป็นเกณฑ์สำคัญที่ประชุมกำหนดแบบประเมิน (หลักเกณฑ์และตัวชี้วัดต่างๆ) นำมาใช้เป็นเครื่องมือให้ผู้บังคับบัญชาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ให้มีมาตรฐานสำหรับการใช้ดุลพินิจ ไม่ใช่ยึด “อาวุโส” นำโด่งเพียงอย่างเดียว1.ประเมินผลการปฏิบัติราชการ คุณภาพผลการปฏิบัติงาน 2.ศักยภาพ ภาวะผู้นำ 3.อาวุโส การดำรงตำแหน่งระดับปัจจุบัน และอายุราชการรวม 4.ความประพฤติ รักษาวินัยผบ.ตร. นำร่องใช้แต่งตั้ง “โผนายพล” ปีนี้เสนอหลักเกณฑ์ตัวชี้วัดใช้พิจารณาเสนอ ก.ตร.รับทราบ คาดหวังเปิดทางตำรวจเจริญก้าวหน้า เติบโตขึ้นหัวหน้าหน่วยงาน ด้วยความรู้ ความสามารถผลการปฏิบัติงานแท้จริง.“เพลิงพยัคฆ์”pluengpayak@thairath.co.th คลิกอ่านคอลัมน์ “เลขที่1 วิภาวดีฯ” เพิ่มเติม