การแต่งตั้งโยกย้ายนายพลเริ่มเข้าไคลระดับรอง ผบ.ตร.และผู้ช่วย ผบ.ตร.ไม่ต้องไปพูดถึง เพราะตาม พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ต้องตั้งตามลำดับอาวุโส 100 เปอร์เซ็นต์ ห้ามแตกแถว?ความน่าสนใจมันเลยพุ่งไปที่ระดับ “ผู้บัญชาการ” ตามกฎหมายให้พิจารณาจากอาวุโส 50 เปอร์เซ็นต์ และความรู้ความสามารถอีก 50 เปอร์เซ็นต์ ปีนี้ระดับผู้บัญชาการยศ พล.ต.ท.มีตำแหน่งว่างแค่ 14 ตำแหน่ง ให้ระดับรอง ผบช.ยศ พล.ต.ต. 94 นายยื้อแย่งกันสำหรับ 7 ตำแหน่งที่อยู่ในโหมดอาวุโส ทั้งหมดต้องครองตำแหน่งรอง ผบช.มาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 ปี ทำให้เหลือแค่ 7 ตำแหน่งไปวิ่งเต้นกันนี่ล่าสุด โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) โดย พล.ต.ท.เสนิต สำราญสำรวจกิจ ผบช.รร.นรต. เป็น ประธานคณะกรรมการสรรหาผู้สมควรดำรงตำแหน่ง ผบช.รร.นรต. ประกาศรายชื่อผู้แสดงวิสัยทัศน์เข้ารับการพิจารณา 4 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ต.ดร.ปรีดา สถาวร รอง ผบช.สกพ. พล.ต.ต.ดร.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ศักดิ์รพี เพรียวพานิช รอง ผบช.นรต. และ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. นักสืบคนดังมีชื่อกับเค้าด้วยทั้ง 4 นายไปแสดงวิสัยทัศน์ต่อสภาการศึกษาโรงเรียนนายร้อยตำรวจแล้วเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ผลยังไม่ออก แต่วงในเค้าปิดกันให้แซดว่า พล.ต.ต.ดร.ปรีดา สถาวร ได้ตำแหน่งไปทำให้เหลืออีกแค่ 6 ตำแหน่งได้ฟาดฟันกัน คราวนี้แหละฝุ่นตลบเลย เพราะถ้าจำกันได้การแต่งตั้งตาม พ.ร.บ.ตำรวจใหม่ครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ก.ตร.แต่งตั้งตามอาวุโสเรียบวุธแว่วผลลัพธ์ออกมาไม่สู้ดีว่าผู้ได้รับตำแหน่งบางคนทำงานไม่ได้ หรือบางคนไม่ทำงาน ก.ตร.เลยปวดเฮดต้องกลับมาคิดใหม่ว่าจะเอายังไงดีกับ “ไอ้พวกมีโอกาสแล้วไม่ทำ”?แต่อย่าให้มันโลดโผนมากถึงขนาดเอาอาวุโสน้อยระดับปลายแถวขึ้นมาเพราะมีคนจ้องฟ้องศาลปกครองอยู่ เดี๋ยวต้องมานั่งเยียวยากันอีก มันน่าเบื่อ?สหบาทคลิกอ่านคอลัมน์ “ส่องตำรวจ” เพิ่มเติม