หลายเดือนที่ผ่านมา วงการพระสงฆ์ของไทยมีเรื่องราวข่าวฉาว พระปฏิบัติไม่ดีไม่ชอบมาต่อเนื่อง ยิ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาข่าวพระสงฆ์ที่มีตำแหน่งในระดับสูงมีสัมพันธ์กับสีกาหลายต่อหลายรูป ยิ่งสร้างความสลดใจให้กับพุทธศาสนิกชนอย่างมาก และนอกจากความตกใจต่อพฤติกรรมของพระแล้ว จำนวนเงินที่เกี่ยวข้องก็น่าตกใจไม่แพ้กันล่าสุด ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้ออกบทวิจัย โดยคาดการณ์ว่า ในปี 2568 นี้ ตลาดการกุศลของไทยจะมีมูลค่ามหาศาลสูงถึง 150,000 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2% และมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 21,000 ล้านบาท ภายในเวลา 8 ปี หากเทียบกับมูลค่าตลาดการกุศลในปี 2560ทั้งนี้ แม้เงิน 150,000 ล้านบาทนี้จะไม่ได้เข้าวัดทั้งหมด แต่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า หนึ่งในแรงจูงใจหลัก และเป็นแรงจูงใจต้นๆของการทำการกุศลของคนไทยมาจากการทำบุญตามความเชื่อของศาสนา โดยค่าใช้จ่ายของทุกครัวเรือนไทยเฉลี่ย 1% ของแต่ละเดือนจะถูกใช้เพื่อทำกิจกรรมทางศาสนารองลงมาเป็นแรงจูงใจจากการบริจาคช่วยเหลือสังคมในลักษณะการทำ CSR เช่น การช่วยเหลือโรงพยาบาล มูลนิธิ หรือชุมชนที่ช่วยเหลือผู้คนในรูปแบบต่างๆการบริจาคช่วยเหลือในเหตุการณ์พิเศษ เช่น แผ่นดินไหว น้ำท่วม และส่วนหนึ่งบริจาคเพื่อการลดหย่อนภาษีเมื่อมองไปข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ตลาดการกุศลของไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยการบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือสัตว์ เพื่อช่วยบรรเทาสาธารณภัย เหตุการณ์รุนแรง จะเป็นแรงจูงใจใหม่ที่จะทำให้คนไทยบริจาคเงินมากขึ้น รวมทั้งความสะดวกในการบริจาค เช่น Online Donation การบริจาคเงินออนไลน์ และการร่วมมือของมูลนิธิ หรือองค์กรต่างๆ จะทำให้คนหันมาบริจาคเงินมากขึ้นด้วย ขณะที่กลุ่มผู้บริจาคใหม่จะเป็นกลุ่มคน GEN Zขณะเดียวกันคนไทยมีแนวโน้มที่จะต้องการเห็นความน่าเชื่อถือ ความโปร่งใส โดยเฉพาะเส้นทางการใช้เงิน วัตถุประสงค์ของการใช้เงินที่เน้นผลลัพธ์ระยะยาวของผู้รับบริจาคมากขึ้นด้วยและควบคู่กับการทำบุญ ก็คือ “การขอพร” หากถามว่าคนไทยขอพรอะไรมากที่สุด ผลสำรวจจากหลายๆโพลล์ตรงกันว่า หากเป็นการขอส่วนตัว คนไทยจะขอเรื่อง “สุขภาพดีแข็งแรง” มากที่สุด รองมาเป็นขอให้รุ่งเรืองในหน้าที่การงาน กิจการค้าขายประสบความสำเร็จ ขอโชคขอลาภ ขอความร่ำรวย ขณะที่ในส่วนของประเทศชาติจะขอให้เศรษฐกิจดีขึ้น ค่าครองชีพลดลง การเมืองมีเสถียรภาพ รวมทั้งขอให้คนในประเทศชาติสามัคคีกันและล่าสุด “มิสเตอร์พี” เชื่อว่าคนจำนวนมากที่ติดตามลุ้น “การเจรจาเพื่อขอลดอัตราภาษีตอบโต้” ระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นจุดอันตรายของเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป คงช่วยกันขอพรให้การเจรจาที่เหลือเวลาแค่ 15 วันจากนี้เป็นไปด้วยดี และเราไม่ถูกเก็บภาษีในอัตราที่ภาคธุรกิจและเกษตรกรไทยต้องล้มหายตายจากไปในอนาคต.มิสเตอร์พีคลิกอ่านคอลัมน์ “กระจก 8 หน้า” เพิ่มเติม