รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) และนายธนากร ดอนเหนือ อธิบดีกรมส่งเสริมการเรียนรู้ (สกร.) ร่วมกันแถลงข่าวผลการสำรวจการรู้หนังสือของประชากรไทยปี 2568 โดย รศ.ดร.ประวิตกล่าวว่า สกศ.ร่วมกับ สกร.สำรวจการรู้หนังสือของประชากรไทย ปี 2568 จำนวน 7,429 ตำบล คิดเป็น 225,963 ครัวเรือน หรือประชากร 533,024 คน ผลการสำรวจพบว่าอัตราการไม่รู้หนังสือของประชากรไทยอายุ 15 ปีขึ้นไป อยู่ที่ 1.17% และอายุ 7 ปีขึ้นไป อยู่ที่ 1.16% เมื่อพิจารณาในรายจังหวัด พบว่า51 จังหวัด มีอัตราการไม่รู้หนังสือน้อยกว่า 1% 25จังหวัด มีอัตราการไม่รู้หนังสือระหว่าง 1-5% และมีเพียงจังหวัดเดียวที่มีอัตราการไม่รู้หนังสือสูงกว่า 10%เลขาธิการสภาการศึกษากล่าวอีกว่า ข้อค้นพบที่น่าสนใจคือ 1.ภาวะการลืมหนังสือ การอ่านน้อยลง หรือการถดถอยของทักษะในการอ่านในผู้สูงอายุและกลุ่มผู้ที่ไม่มีงานทำมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นภัยเงียบที่ทำให้คุณภาพการอ่านของคนไทยลดน้อยลง 2.ปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการรู้หนังสือมากขึ้น คือ แรงขับจากการต้องการมีงานทำโดยเฉพาะเขตอุตสาหกรรม 3.ปัจจัยที่ส่งผลต่อคุณภาพในการรู้หนังสือของผู้เรียน พบว่าความเหลื่อมล้ำระหว่างสถานศึกษาขนาดเล็กและขนาดใหญ่ เป็นปัจจัยที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัว และ 4.สภาพแวดล้อมที่เอื้อให้เกิดการรู้หนังสือ และป้องกันภาวะการลืมหนังสือคือ การกระตุ้นให้เกิดการรวมกลุ่มกันตามความสนใจและกลุ่มอายุ เช่น ชมรมผู้สูงอายุ ข้อเสนอเชิงนโยบายคือ 1.การสร้าง Active Ageing ผ่านการรู้หนังสืออย่างมีส่วนร่วมจะช่วยทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ความมั่นคงในชีวิต และยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนสูงวัย 2. ต้องสร้างสรรค์กิจกรรมส่งเสริมการอ่านตามความสนใจและต้องการของกลุ่มเป้าหมาย 3.การประยุกต์ใช้ AI รวมทั้งการจัดทำสื่อที่ทันสมัยและน่าสนใจ จะช่วยทำให้ประชากรในทุกช่วงวัยได้มีโอกาสพัฒนาการอ่านได้ดีมากยิ่งขึ้น และ 4.การส่งเสริมให้ประชากรที่ว่างงานให้มีงานทำ จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาตนเอง และพัฒนาทักษะการอ่านได้ดี.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่