รศ.นพ. ธีรภัทร อึ้งตระกูล รักษาการคณบดีคณะแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดเผยว่า มะเร็งตับเป็นสาเหตุให้คนไทยเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 จากโรคมะเร็งทั้งหมด โดยมีผู้ป่วยรายใหม่จำนวน 27,963 คน/ปี คิดเป็นร้อยละ 15.2 และในทุกๆ 1 ชั่วโมงจะมีผู้ป่วยมะเร็งตับเสียชีวิต 3 คน หรือวันละ 74 คน ทั้งนี้ พบว่าผู้ป่วยมะเร็งร้อยละ 80 เข้าสู่กระบวนการรักษาเมื่อมีอาการหนักหรือเข้าสู่ระยะลุกลาม ดังนั้น การคัดกรองในกลุ่มเสี่ยงจึงมีความจำเป็น เช่น ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบ บี หรือซี คัดกรองทุก 6-12 เดือนโดยใช้อัลตราซาวด์ จะช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์จึงได้ยกระดับการตรวจคัดกรองมะเร็งตับด้วยการเรียนรู้เชิงลึกระยะไกล หรือ “AICEDA LIVERW เพื่อให้สุขภาพคนไทยในพื้นที่ห่างไกลได้มีโอกาสตรวจคัดกรองที่จะช่วยลดความเสี่ยง โดยเฉพาะโรคมะเร็งท่อน้ำดี โดยได้นำร่องที่ อ.บ้านหลวง จ.น่าน คัดกรองชาวบ้าน 2,000 คน อ่านผลด้วยปัญญาประดิษฐ์ ใช้เวลา 1.30 นาที มีความแม่นยำร้อยละ 90 แต่ปัจจุบันยังมีข้อจำกัดเรื่องแพทย์ผู้ตรวจ จึงต้องพัฒนาบุคลากรเพิ่มขึ้น รวมทั้งพัฒนาเอไอให้มีความแม่นยำมากขึ้นด้าน พญ.จอมธนา ศิริไพบูลย์ ผอ.ศูนย์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ กล่าวว่า กรณีผู้ป่วยระยะสุดท้ายเราจะรักษาแบบประคับประคอง ส่วนผู้ป่วยระยะลุกลามในปัจจุบันจะรักษาด้วยยานวัตกรรม ซึ่งให้ผลในการรักษาที่ดีกว่า ช่วยชะลอการลุกลามของโรค และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระหว่างการรักษา เปรียบเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับระยะลุกลาม มีอัตราการรอดชีวิตมากกว่า 24 เดือน แต่มีข้อจำกัดในการเข้าถึงยาเพราะยังไม่ได้รับการบรรจุในสิทธิขั้นพื้นฐาน ทางออกในขณะนี้คือการจัดตั้งกองทุนยามะเร็ง โดยทางราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ได้ทำการศึกษาร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาครัฐ และภาคเอกชน เพื่อหาแนวทางสร้างความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนยามะเร็ง เพื่อให้ผู้ป่วยมีโอกาสเข้าถึงยานวัตกรรมได้มากขึ้น.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่