“ช่วงที่ผมรักษาการ ผบ.ตร. ผมรับไม่ได้ที่คนทั่วไปเปรียบเทียบเราว่า “ตำรวจคือโจร” ผมรับไม่ได้ น้ำตาตกใน ชีวิตรับราชการตำรวจมาถึงบัดนี้ แต่ถูกเปรียบเทียบเช่นนั้น มันรู้สึกสะเทือนเข้าไปข้างในแล้วมันรับไม่ได้ สิ่งอะไรที่มันเกิดขึ้นแล้วทำให้เราเสื่อมเสียจะต้องเปลี่ยนแปลงนับจากนี้เป็นต้นไป”“จะทำให้ดูว่า ตำรวจทำดีมีรางวัล คําว่ารางวัลนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นเงินเป็นทอง แต่มันจะต้องมีนัยความหมายมากมายที่ท่านอาจจะต้องคิดไปเหมือนผมแล้วทำไม่ดีมีโทษคืออะไรจะทำให้ท่านดู แต่ไม่มีแกล้งใคร ไม่มีอคติ ร่วมกันทำเพื่อองค์กร” สะท้อนให้เห็นความรู้สึกอึดอัดในใจของ “บิ๊กต่าย” พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สมัยที่เข้ามา “สวมบท” รรท.ผบ.ตร.ประคับประคองสถานการณ์แตกหักภายในองค์กรตำรวจความขัดแย้งรุนแรงภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเริ่มต้นมาตั้งแต่ต้นปี 2567 กับศึก “บิ๊กตำรวจชนตำรวจ” ส่อเค้าบานปลาย นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีทางเลือกมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เข้ามาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคาดหวังลดอุณหภูมิร้อนแรงลงมา แต่กลับยิ่งกลายเป็นยิ่งโหมแรงไฟลุกโชนหนักขึ้นตามมาด้วยการเปิดโปง “ธุรกิจสีเทา” คดีความที่มีนายตำรวจทั้งสองฝ่ายพัวพันเกี่ยวข้อง ต่างฝ่ายต่างฟ้องร้องกันไปมา พูดจาป้ายสี เปิดประเด็นทำลายฝ่ายตรงข้าม โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบหน่วยงานตำรวจภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ในสภาพเสียหายยับเยินหนักพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.อาวุโส ลำดับ 1 ถูกวางตัวเป็น รรท.ผบ.ตร. กับภาระหนักอึ้ง เป็นตัวเลือกที่รัฐบาลมาประสานร้อยร้าวลึกในวงการสีกากี ด้วยบุคลิก “อ่อนนอก–แข็งใน” เข้าอกเข้าใจตำรวจ ใช้ความความเด็ดขาดประคองสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานวงการสีกากีไม่ให้บานปลายก่อนได้รับการสนับสนุน ก.ตร.เป็นเอกฉันท์ลงคะแนนเสนอชื่อเป็น ผบ.ตร.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ คือ ความคาดหวังเหล่าตำรวจเข้ามาสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาคืนมา“บิ๊กต่าย” นำหลักคิดของผู้นำมาใช้กับตำรวจ ใช้ความเป็นพี่เป็นน้องตำรวจ “เอาใจเขามาใส่ใจเรา” การให้เกียรติความเป็นมนุษย์ซึ่งกันและกัน และ “สร้างและมอบโอกาส” เปิดให้ตำรวจแสดงความสามารถนำตำรวจทุกหน่วยทำงานด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม ตอบข้อสงสัยสังคมให้ได้ทุกเรื่อง ดูแล ช่วยเหลือ สนับสนุน ให้กำลังใจ ยกย่อง เชิดชู “ตำรวจน้ำดี” พยายามทำในทุกวิถีทางที่ทำได้ และลงโทษหนักเด็ด ขาด “ตำรวจนอกแถว” ทำความเสื่อมเสียขององค์กร ทำความเดือดร้อนประชาชนผลักดันทุกหน่วยเร่งรัดคดีสำคัญ ช่วยเหลือเหยื่อถูกหลอก ผู้คนที่ได้รับความเดือดร้อน แม้จะเป็นเรื่องยาก แต่ ผบ.ตร.ทุ่มเทลงพื้นที่ร่วมรับฟังปัญหา ข้อจำกัด สนับสนุนช่วยเหลือสิ่งที่ขาดแคลน ร่วมคลี่คลายทุกสถานการณ์ ทำให้ตำรวจได้เห็นเป็น “แบบอย่าง” เป็นบทบาทหนักของผู้นำสูงสุดสมควรยกย่องเป็น “สีกากีแห่งปี”พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร.ย้ำทิศทางตำรวจว่า “หลักการทำงานของผมใช้การปรับ mindset ตำรวจ ทำงานเป็นพี่เป็นน้องแต่อยู่ในกรอบของกฎหมาย ระเบียบ วินัย ตำรวจทำดีมีรางวัล แต่ถ้าทำไม่ดีมีโทษ ใช้การบริหารงานพื้นฐานแบบ 4 M และหลักธรรมาภิบาล ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ตำรวจจะต้องไม่รีรอให้ประชาชนเข้ามาหา มาเรียกร้อง ในทางกลับกันจะต้องเดินเข้าหาประชาชน ไปพูดคุย ไปสอบถาม และทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ทำให้สุดทางทุกๆด้าน ทำงานแบบตรงไปตรงมา ไม่ได้ทำตามกระแสสังคม จะต้องใช้หลักกฎหมายนำ แล้วใช้การบริหารจัดการเข้ามาเป็นเครื่องมือเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ”“อยากบอกถึงตำรวจทุกนายตั้งแต่ผู้ปฏิบัติงานจนถึงระดับบริหารให้เราหันกลับมามองตัวเองว่าเราเป็นข้าราชการของแผ่นดิน เรามีหน้าที่การงานอะไร เราเป็นข้าราชการตำรวจที่ได้รับพระราชทานยศและตำแหน่ง สิ่งเหล่านี้ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณ อยากให้พึงระลึก เราต้องยืนอยู่บนสายกลางและน้อมนําพระบรมราโชวาท (ธรรมนาวา วัง) เป็นหลักปฏิบัติในการดำรงชีวิตและหน้าที่ราชการอย่างจริงจัง ขอให้ตำรวจทุกนายร่วมมือกันนำความเปลี่ยนแปลงให้เกิดกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังคำว่าสิ้นหวังประชาชนให้ละลายหายไป แล้วทำให้ประชาชนอ้าแขนและโอบกอดเราด้วยความรัก ความเชื่อใจ ความมั่นใจ ในการที่ “บำบัดทุกข์-บำรุงสุข” ให้กับพี่น้องประชาชนคนไทย” แนวคิดของ ผบ.ตร. ให้ตำรวจยึดไว้ใช้ในการทำงาน “ถ้าทุกคนร่วมมือกัน ช่วยกันเหมือนไม้เส้นเล็กๆที่เรามารวมกัน แล้วมันจะเกิดความแข็งแกร่ง อยากให้เป็นแบบนั้น ขอให้ทุกคนหันมาช่วยกันทำงาน ช่วยกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อยากให้ทุกคนเชื่อในตัว ผบ.ตร.คนนี้ว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”ความคาดหวังของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ บทบาท “ผู้นำตำรวจ” ที่กำลังจมดิ่งให้กลับขึ้นมายืนอยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนคนไทย ด้วยเกียรติยศและศักดิ์ศรี ทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงตำรวจทั้งประเทศกลับมายืนหยัดทำหน้าที่ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” และ “ตำรวจอาชีพ”.ทีมข่าวอาชญากรรมอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่