“ซ้อลักษณ์” เดินหน้าท้าชน “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” หอบหลักฐานโร่ร้องเรียน รมว.อว.ยันที่ออกมาเปิดโปงทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ขอโทษทำให้ระบบการศึกษาเสียหาย ยอมรับซื้อวุฒิการศึกษาจริง แม้รู้ว่าผิดกฎหมายแต่ถูกอีกฝ่ายหว่านล้อมอ้างรู้จักผู้ใหญ่ในรัฐสภาเคลียร์ได้ ลุยฟ้อง 3 คน ทั้งประธานมูลนิธิหญิง คนรับโอนเงิน เเละอาจารย์ในมหาวิทยาลัยร่วมกันฉ้อโกง ด้านมหาวิทยาลัย พิษณุโลกสรุปผลสอบข้อเท็จจริงมีอาจารย์ 1 คนเกี่ยวข้อง ชี้ผิดวินัยร้ายแรงทุจริตต่อหน้าที่ ลงดาบเชือดเลิกสัญญาจ้างพร้อมแจ้งความดำเนินคดีด้วยจากข่าวอื้อฉาวสะเทือนแวดวงการศึกษากรณี น.ส.วิไลลักษณ์ ใชยชาญ อายุ 42 ปี หรือ “ซ้อลักษณ์” นักธุรกิจสาวเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองสกลนคร กล่าวหา น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง หลอกลวงแอบอ้างขายวุฒิการศึกษาปริญญาตรีในราคา 200,000 บาท หลงเชื่อจ่ายเงินไปแล้วแต่ยังไม่ได้วุฒิการศึกษา นอกจากนี้ยังมีการแอบอ้างซื้อขายตำแหน่งในรัฐสภาราคา 60,000 บาท ต่อมา “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ชี้แจงว่าไม่เป็นเรื่องจริงทั้งซื้อขายวุฒิการศึกษาและตำแหน่งในรัฐสภา เตรียมรวบรวมหลักฐานฟ้องกลับ ที่พลาดไปเพราะรักและหวังดีกับเพื่อนกลับถูกบิดเบือนจนเสียหาย ส่วนมหาวิทยาลัยพิษณุโลกตั้งโต๊ะแถลงยืนยันไม่มีการซื้อขายวุฒิการศึกษา ขณะที่นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ที่ถูกนำชื่อไปแอบอ้าง ให้ทีมกฎหมายไปลงบันทึกประจำวันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หากมีการเอาชื่อตำแหน่งไปหาประโยชน์จะดำเนินคดีจนถึงที่สุดที่มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ช่วงเช้าวันที่ 4 ก.ค. น.ส.วิไลลักษณ์ ใชยชาญ หรือ “ซ้อลักษณ์” พร้อมด้วย “ปุ๊กกี้” อดีตสมาชิกมูลนิธิเป็นหนึ่ง และผู้เสียหายที่อ้างว่าถูก “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” หลอกเล่นแชร์อีก 2 ราย เข้าร้องเรียนกับมูลนิธิฯเพื่อขอให้ช่วยในทางคดี กรณี “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” หลอกขายวุฒิการศึกษา มูลนิธิรณรงค์ฯระบุว่า การร้องเรียนวันนี้โฟกัสเรื่องการซื้อขายวุฒิการศึกษา การซื้อขายตำแหน่งการทำงานในรัฐบาล ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่และยังมีการฉ้อโกงจากการชักชวนเล่นแชร์ทั้งนี้ ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลต่อมูลนิธิรณรงค์ฯและสื่อมวลชน ซ้อลักษณ์ได้จุดธูปสาบานต่อหน้าพระนาคปรกว่าสิ่งที่จะให้ข้อมูลต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด จากนั้นซ้อลักษณ์ผู้เสียหายที่เคยเป็นหนึ่งในทีมงานมูลนิธิเป็นหนึ่ง กล่าวยอมรับว่า ได้ซื้อวุฒิการศึกษาจากมหาวิทยาลัยพิษณุโลกจริง ถูกประธานมูลนิธิหว่านล้อมและเคยแย้งไปแล้วว่ามันผิดกฎหมาย แต่เขาบอกไม่ต้องกลัว เพราะรู้จักผู้ใหญ่ทางรัฐสภาสามารถเคลียร์ได้ ยืนยันว่าไม่มีการปลอมแชตไลน์ขึ้นมา ที่เห็นเป็นบทการสนทนาจริงตั้งแต่เริ่มต้น โดยเฉพาะการหว่านล้อมเรื่องตำแหน่ง ที่บอกว่าตำแหน่งใหญ่เลย ถูกมาก แต่จะทำตรงนี้ได้ต้องซื้อวุฒิการศึกษาก่อนอย่างไรก็ตาม ซ้อลักษณ์กล่าวยอมรับผิดในส่วนการซื้อวุฒิการศึกษา ผิดกฎหมาย หากจะต้องถูกดำเนินคดีก็ยอม และที่ยอมมาเปิดเผยเรื่องนี้เพราะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างระดับประเทศ ขอฝากว่าอย่าไปทำแบบนี้กับใครอีก นอกจากนี้ ซ้อลักษณ์ฝากถามไปยังบุคคลที่รับโอนเงินอ้างเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย แต่มาทราบภายหลังว่าเป็นเพื่อนกับประธานมูลนิธิหญิงที่เรียนมาด้วยกันขณะที่นายชาญชัย ฉายบุ ทนายความเผยว่า การกระทำของประธานมูลนิธิฯเข้าข่ายฉ้อโกงและร่วมกันฉ้อโกง จะมีความผิด 3 คนคือ ประธานมูลนิธิหญิง คนที่รับโอนเงิน และอาจารย์ในมหาวิทยาลัย ส่วนซ้อลักษณ์ยังไม่ได้รับวุฒิการศึกษาและยังเรียนไม่จบ ยังถือว่าไม่มีความผิดต่อมาในช่วงบ่าย ที่สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) น.ส.วิไลลักษณ์ ใชยชาญ หรือซ้อลักษณ์ ผู้เสียหายจากการถูกหลอกขายวุฒิการศึกษา พร้อมทนายความจากมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมเดินทางเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนพร้อมหลักฐานสลิปการโอนเงิน คลิปเสียง รวมทั้งข้อความพูดคุยทางแชตไลน์ ต่อ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. มี น.ส.สุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการ รมว.อว. เป็นผู้รับหนังสือ ซ้อลักษณ์กล่าวว่า มาขอให้กระทรวง อว.ให้ความเป็นธรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมขอโทษกับสิ่งที่ทำไปเพราะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการศึกษาของไทย เนื่องจากไปเชื่อกลุ่มบุคคลที่หลอกลวง จากนั้นซ้อลักษณ์ได้เปิดคลิปเสียงการสนทนากับบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยหลังรับหลักฐานการร้องเรียน น.ส.สุชาดา กล่าวว่า น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว.ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้รับทราบและสั่งการให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที รวมทั้งค้นหาความจริงที่มาที่ไป ล่าสุดได้สอบถามไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยพิษณุโลกแล้ว ได้รับแจ้งว่า มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีข่าวแอบอ้างการซื้อขายวุฒิปริญญา มีการประชุมคณะกรรมการสรุปผลการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่า มีอาจารย์ในมหาวิทยาลัยหนึ่งท่านมีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมกระบวนการดังกล่าว จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ทั้งข้อความของผู้เสียหายกับอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง สนทนาทางไลน์ และคลิปเสียงของผู้เสียหายกับอาจารย์ที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการพิจารณาแล้วพบว่ามีมูลความจริง ตามข้อบังคับของมหาวิทยาลัยพิษณุโลกว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ.2566 เป็นความผิดวินัยร้ายแรง ตามข้อ 52 (52.1) ทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ให้บอกเลิกสัญญาจ้าง และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปจากนั้น น.ส.วิไลลักษณ์ หรือซ้อลักษณ์ กล่าวว่า จากนี้จะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับบุคคล 3 คน ประกอบด้วย น.ส.ชลิดา พะละมาตย์ หรือ “ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง” ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง นายเกษียร ศรีจันทร์ เจ้าของบัญชีที่รับโอนเงิน และ น.ส.พริมรฎา สุขคำภา ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงด้าน ดร.มานพ เกตุเมฆ รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยพิษณุโลก เผยว่า นักศึกษาที่เป็นข่าวมาสมัครในระบบออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.66 เพิ่งจะเริ่มเรียนในคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ยังเป็นนักศึกษาอยู่ ถ้าไม่มาเรียนก็จะหมดสิทธิเป็นนักศึกษา จะต้องคัดชื่อออกตามระเบียบอยู่แล้วกรณีที่คนไปแอบอ้างกับนักศึกษา ทางมหาวิทยาลัยไม่รับทราบอะไรเลย รู้เพียงอย่างเดียวว่ามีนักศึกษามาสมัครก็รับเข้าไว้ในระบบ มีการจัดการเรียนการสอนตามปกติ เมื่อเรียนแล้วถ้าครบหลักสูตรก็จะอนุมัติให้จบตามนั้น ถ้าเรียนไม่ครบก็ไม่สามารถออกวุฒิการศึกษาให้ได้ การจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยไปได้ยังมีอีกหลายขั้นตอน อย่างแรกคือคณบดีต้องรับทราบ รายชื่อนักศึกษา เข้าคณะกรรมการวิชาการ เข้าคณะกรรมการบริหารของมหาวิทยาลัยเพื่ออนุมัติจบ ถ้ามีคนไปแอบอ้างว่าสามารถหาวุฒิมาให้โดยวิธีลัด มหาวิทยาลัยพิษณุโลกขอแจ้งว่าไม่เป็นความจริงส่วนผลการสอบสวนโดยคณะกรรมการพบว่า มีบุคคลากร 1 ท่านที่ไปเกี่ยวข้อง มีมติว่าอาจารย์คนนี้มีความผิดตามข้อบังคับ การบริหารบุคคลของมหาวิทยาลัย จะต้องยกเลิกสัญญาจ้าง เพราะมหาวิทยาลัยพิษณุโลกเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน นอกจากยกเลิกสัญญาแล้ว ยังมอบหมายให้นิติกรของมหาวิทยาลัยไปแจ้งความที่ สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป และนอกจากอาจารย์ท่านนี้แล้ว ใครที่เกี่ยวข้องที่เป็นบุคคลภายนอก ทำให้มหาวิทยาลัยชื่อเสียงเสียหายจะต้องดำเนินคดีด้วยอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่