“รองนพศิลป์” ชี้คดีลอบยิง “เสี่ยต้น” ตรวจสอบ วงจรปิดและไทม์ไลน์ 2 คนร้ายชัดเจนว่าเป็นพฤติการณ์มือปืนรับจ้าง มีการตระเตรียมการ มีการวางแผนและมีคนชี้เป้า ยันจะเร่งรัดทำคดีให้เร็วที่สุด ด้านน้องสาวคนตายลั่นไม่ได้หวังสมบัติพี่ชาย อย่างที่ถูกกล่าวหา พร้อมประกาศตามหาความจริง ถึงสาเหตุการตายจนถึงที่สุด ขณะที่ทนายเดชาจ่อนำพยานตามความคืบหน้าคดีพยายามลอบฆ่าที่วังทองหลาง เชื่อสัปดาห์หน้าตำรวจน่าจะมีความคืบหน้า มั่นใจสาเหตุมาจากชนวนแค้นที่สะสมมานานทั้งทางตรง และทางอ้อมระหว่างคนบงการและผู้ตายเมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 25 พ.ค. ที่สำนักงานทนายคลายทุกข์ (Decha&IBS) น.ส.ณัฐปภัษร์ หรือ เจ ธนภัคนันท์หิรัญ อายุ 42 ปี น้องสาวนายพิชิต กลีบจินดา หรือเสี่ยต้น เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทยที่เสียชีวิตมีเงื่อนงำที่ จ.มหาสารคาม โดยก่อนหน้าถูกลอบยิงในพื้นที่ สน.วังทองหลาง กทม. เมื่อวันที่ 8 เม.ย. เปิดเผยกับสื่อมวลชนหลังถูกกระแสสังคมกล่าวหาถึงการออกมาหาสาเหตุการตายของพี่ชายเพราะหวังสมบัติว่า เริ่มหาข้อมูลตั้งแต่แรกเพราะสงสัยการตาย ทำไมมีบางคนโพสต์ขายทรัพย์สินต่างๆของพี่ชาย เช่น บ้านที่พัฒนาการ คอนโด เป็นต้น เดิมทีพี่ชายเป็นคนสุขภาพแข็งแรงจะเสียชีวิตได้อย่างไร อีกทั้งเคยถูกลอบยิง จึงรวบรวมข้อมูลทั้งรูปภาพการตาย รูปภาพงานศพ รูปภาพก่อนเผา เอกสารใบมรณะบัตร ไปปรึกษาทนายความได้รับคำแนะนำให้เริ่มต้นจากคดีมรดกก่อน เพราะเริ่มคดีอาญาไม่ได้ เมื่อไม่มีการชันสูตรศพน.ส.ณัฐปภัษร์กล่าวต่อว่า แต่ครอบครัวยังติดใจสาเหตุการตายจึงมาพบทนายเดชา เพื่อปรึกษาคดีอาญาอีกครั้ง ทนายเดชาดูหลักฐานแล้วบอกว่าทำเป็นคดีอาญาได้ จึงนำมาสู่การสืบสวนคดีในปัจจุบัน ส่วนที่สังคมกล่าวหาเรื่องหวังทรัพย์สิน ไม่กังวลใจยืนยันทำตามกฎหมาย ทำตามคำแนะนำทนาย และความตั้งใจอยากพิสูจน์การตายพี่ชาย เป็นคำถามคาใจพ่อแม่ด้วยว่าทำไมโดนลอบยิง ทำไมนอนตายยอมรับว่าช่วงแรกที่เกิดเรื่องรู้สึกมืดแปดด้านแต่ตอนนี้ขอสู้เพื่อพิสูจน์หาความจริงด้านพระวสันต์ กลีบจินดา (กตคุโณ) พ่อของเสี่ยต้นกล่าวว่า ที่ไม่เคลื่อนย้ายศพไปผ่าพิสูจน์เพราะครอบครัวไม่มีเงินจ้างรถ จ้างแพทย์ชันสูตร ได้ไปเคารพศพที่บ้าน น.ส.มด ภรรยานายต้น ขณะจุดธูป น.ส.มด เข้ามานั่งข้างๆบอกว่า ถ้าเอาศพไปผ่าแล้วเจอสารที่ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ ประกันจะไม่จ่ายเงินให้ แต่ถ้าไม่ผ่าจะได้เงินมาบ้าง และ น.ส.มดจะถวายให้ 2-3 ล้านบาท ได้ตอบกลับไปว่าถ้าจะให้ขอไม่รับ แต่ขอคอนโดให้แม่เสี่ยต้น เพราะแม่ไม่มีที่อยู่อาศัยและขอให้สร้างกุฏิถวายพระภิกษุสงฆ์ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายต้น ขอแค่นี้ขณะที่ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เปิดเผยว่าในวันที่ 26 พ.ค. เวลา 13.00 น. จะพาพยานทั้งหมดไปพบพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง อีกรอบ เพื่อติดตามคดีความเชื่อมโยงการกระทำความผิดที่พื้นที่ สน.วังทองหลาง และเหตุการณ์เสียชีวิตที่ จ.มหาสารคาม เชื่อว่าในสัปดาห์หน้าตำรวจน่าจะมีความคืบหน้าและทราบตัวคนร้ายลอบยิงเสี่ยต้นประมาณ 4-5 คน รวมถึงคนจ้างวาน มั่นใจว่าคนทำน่าจะมีความแค้นมาก เป็นความแค้นที่สะสมมานาน ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับผู้เสียชีวิตก่อนหน้านี้เมื่อที่ บก.สส.บช.น. เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 24 พ.ค. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก. สน.วังทองหลาง พ.ต.อธัญญาพัทธ์ บุญสุข ผกก.สส.บก.น.4 พร้อมชุดสืบสวน กก.สส.บช.น., กก สส.บก.น.4 ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดีคนร้ายลอบยิงนายพิชิต กลีบจินดา หรือเสี่ยต้น อายุ 45 ปี เจ้าของธุรกิจสอนนวดแผนไทย เหตุถูกลอบยิงเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 เม.ย. ก่อนไปเสียชีวิตในภายหลังที่ จ.มหาสารคามพล.ต.ต.นพศิลป์เผยว่า บช.น.ประสานกับตำรวจภูธรภาค 4 ในคดีพยายามฆ่า วันนี้ชัดเจนว่าเป็นพฤติการณ์มือปืนรับจ้างรับงานโดยมีผู้ใช้จ้างวานให้มาก่อเหตุ แม้ห้วงเวลาดังกล่าวผู้ตายถูกยิงที่ตัวรถแต่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจากเศษกระจกบาด ยืนยันพฤติการณ์เป็นมือปืนรับจ้าง ไม่ใช่เรื่องทะเลาะวิวาท ไล่เรียงไทม์ไลน์วงจรปิดพบว่า นายพิชิต ผู้ตาย มาที่โรงเหล้าย่านเอกมัยประมาณเวลา 22.46 น. จากนั้น 22.50 น. หรือเพียง 4 นาที คนร้ายขี่รถ จยย.มา 2 คน ตามผู้ตายมา ทำให้เชื่อมั่นว่ามีการตระเตรียมการวางแผนอย่างดี และย่อมรู้ว่าผู้ตายมาที่โรงเหล้าแห่งนี้ ฉะนั้นต้องมีคนชี้เป้า จากนั้นคนร้ายขี่รถมาจอดรอ และขี่ จยย.วนกลับมาร้านเหล้าอีกครั้ง ก่อนไปหลบหลังกำแพงและลงมาเช็กที่รถผู้ตายว่าใช่หรือไม่ เพื่อเช็กว่าเป้าหมายยังอยู่แน่นอนพล.ต.ต.นพศิลป์เผยอีกว่า ต่อมาผู้ตายเดินออกจากร้านเหล้า เวลา 23.33 น. ใช้เวลาอยู่ในร้าน 47 นาที หลังจากนั้นขับรถออกมุ่งหน้าถนนเลียบด่วนและกลับรถเพื่อขึ้นทางด่วน กระทั่งพบจุดที่คนร้ายขี่ จยย.ตามประกบก่อเหตุยิงก่อนหลบหนี เจ้าหน้าที่มีข้อมูลทั้งหมดพร้อมตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนเรียบร้อย ส่วนคดีเกี่ยวเนื่องกับตำรวจภูธรภาค 4 นั้น วันนี้จะมีการประชุมร่วมกับภาค 4 ว่าพยานหลักฐานทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไรบ้าง ยืนยันว่าคดีนี้และทุกคดีทางนครบาลไม่เคยละทิ้ง แต่จำเป็นที่ต้องทำคดีแบบเงียบ ไม่เช่นนั้นคนร้ายอาจรู้ตัวได้ รวมถึงทำลายหลักฐานด้วย ขอพูดเฉพาะอะไรที่เป็นประโยชน์ทางคดีเท่าที่พอจะพูดได้ และจะเร่งรัดทำคดีให้เร็วที่สุดอ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่