บินไทยระทึกสนามบินเชียงใหม่ ผู้โดยสารคลุ้มคลั่งเปิดประตูเครื่องบิน ขณะเตรียมเทกออฟจนเบาะสไลด์กางลงมา กัปตันต้องจอดกลางรันเวย์ ลูกเรือกับผู้โดยสารคนอื่นช่วยกันจับตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้ เป็นวิศวกรคอมพิวเตอร์ชาวจีนสัญชาติแคนาดาวัย 40 ปี เจ้าตัวหลอนจัดอ้างกลุ่มขบวนการใต้ดินตามล่าสังหาร กลัวถูกลอบยิงเลยเปิดประตูเครื่องจะโดดหนี ตำรวจคุมตัวไปตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติด โดนแจ้ง 2 ข้อหาหนักนำตัวเข้าห้องขัง ไม่อนุญาตให้ประกัน ประสานการบินไทยมาแจ้งเพิ่มเติมความเสียหายที่เกิดขึ้น สนามบินป่วนดีเลย์ 13 เที่ยวบิน ผู้โดยสารได้รับผลกระทบกว่า 2 พันคนเหตุระทึกขวัญบนเครื่องบินครั้งนี้ เปิดเผยเมื่อช่วงเช้าวันที่ 8 ก.พ. น.ท.รณกร เฉลิมแสนยากร ผอ.ท่าอากาศยานเชียงใหม่ เผยว่า เมื่อเวลา 21.05 น. วันที่ 7 ก.พ. ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้รับแจ้งจากหอบังคับการบินเชียงใหม่ว่า เที่ยวบินของสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG121 เส้นทางเชียงใหม่-สุวรรณภูมิ ทำการบินด้วยเครื่องบินแอร์บัส เอ 320 ขณะเครื่องบินอยู่ระหว่างเตรียมทำการวิ่งขึ้นมีผู้โดยสารชาวต่างชาติคนหนึ่งเปิดประตูเครื่องบินทำให้เบาะสไลด์กางลงมาส่งผลให้อากาศยานไม่สามารถทำการบินได้ และจอดค้างอยู่กลางทางวิ่ง (Runway) ส่งผลให้เที่ยวบินอื่นๆไม่สามารถทำการขึ้น-ลงที่ท่าอากาศยานเชียงใหม่ได้ชั่วขณะผอ.ท่าอากาศยานเชียงใหม่เผยต่อไปว่า หลังรับแจ้งเหตุ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ประสานช่างอากาศยานของสายการบินไทย เข้าดำเนินการตัดเบาะสไลด์ออก ก่อนนำอากาศยานกลับเข้าหลุมจอดหมายเลข 15 และสามารถเปิดใช้งานทางวิ่งได้ตามปกติในเวลา 22.50 น. ส่วนผู้โดยสารที่ก่อเหตุถูกลูกเรือและผู้โดยสารบนเครื่องช่วยกันจับกุมตัวส่งตำรวจ ขณะที่ผู้โดยสารในเที่ยวบินดังกล่าวได้นำกลับเข้าพักคอยภายในอาคารผู้โดยสาร มีเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานเชียงใหม่และเจ้าหน้าที่ของสายการบินดูแล หลังจากเจ้าหน้าที่ช่างได้ตรวจสอบและแก้ไขตามมาตรฐานความปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว สามารถออกเดินทางได้ในเวลา 00.43 น. วันที่ 8 ก.พ. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีเที่ยวบินได้รับผลกระทบทั้งหมด 13 เที่ยวบิน เป็นเที่ยวบินวนรอขาเข้า 8 เที่ยวบิน เที่ยวบินขาออก 3 เที่ยวบิน และเที่ยวบิน Divert 2 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารได้รับผลกระทบทั้งสิ้น 2,296 คนน.ท.รณกรกล่าวด้วยว่า วันเดียวกันนี้มีการประชุมคณะกรรมการรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ประจำเดือน ก.พ.67 มีคณะกรรมการฯเป็นผู้แทนจากสายการบิน ส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าร่วมประชุม ได้หยิบยกกรณีที่เกิดขึ้นมาหารือเพื่อทบทวนขั้นตอนการปฏิบัติและหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ขณะที่ ผกก.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ได้รายงานผลการสอบสวนและแจ้งข้อหากับผู้โดยสารที่ก่อเหตุดังกล่าวด้วยด้านคดีตำรวจได้ควบคุมตัวผู้โดยสารต่างชาติที่ก่อเหตุชื่อนายหว่อง ไซ ฮึง อายุ 40 ปี เชื้อชาติจีน สัญชาติแคนาดา อาชีพวิศวกรคอมพิวเตอร์ นำตัวไปสอบปากคำที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ตรวจร่างกายไม่พบสารเสพติดแต่อย่างใด ระหว่างถูกคุมตัวมาสอบสวนผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าทำไมถึงก่อเหตุ นายหว่องอ้างว่าจะมีคนมาทำร้ายจึงเปิดประตูเครื่องบินเพื่อจะหลบหนีภายหลังการสอบสวน พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ น้อยสอน รอง ผกก.สส.สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผ่านล่ามผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุเปิดประตูฉุกเฉินของเครื่องบินจริง เนื่องจากคิดว่ามีกลุ่มขบวนการใต้ดินติดตามมาหวั่นเกรงจะเป็นอันตราย และคิดว่าถ้าเครื่องบินเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 80 กม.ต่อชั่วโมงอาจถูกยิงได้ เลยตัดสินใจเปิดประตูฉุกเฉินเพื่อจะกระโดดหนีออกไป ตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาเดินทางมาคนเดียว นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯมาท่องเที่ยว จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 3 ก.พ. และคืนวันที่ 7 ก.พ. ขึ้นเครื่องบินจะไปลงสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อต่อเครื่องบินกลับประเทศแคนาดา แต่มาก่อเหตุและถูกจับกุมก่อนเบื้องต้นตำรวจแจ้ง 2 ข้อกล่าวหาคือ กระทำด้วยประการใดๆให้อากาศยานอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคล ตาม ป.อาญา มาตรา 232 (1) และเป็นผู้อยู่ในอากาศยานระหว่างการบินฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ควบคุมอากาศยานหรือเจ้าหน้าที่ประจำอากาศยาน ซึ่งสั่งในนามผู้ควบคุมอากาศยาน (เปิดประตูฉุกเฉินเครื่องบินโดยไม่มีเหตุอันควร) ที่สั่งเพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่อากาศยานหรือแก่บุคคลหรือทรัพย์สินในอากาศยาน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ.2558 มาตรา 7 วรรค 2 นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนจะได้ประสานสายการบินไทยเข้าแจ้งความเพิ่มเติมหากพบความเสียหายเกิดขึ้นกับอากาศยานรวมทั้งความเสียหายอื่นๆ ที่เกิดจากการกระทำของผู้ต้องหา หลังสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัว ควบคุมตัวไว้ที่โรงพักเพื่อส่งฝากขังต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 9 ก.พ.อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่