นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า จากนโยบายมะเร็งครบวงจร ที่ สธ.ประกาศให้เป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win ที่ต้องทำให้สำเร็จภายใน 100 วัน ซึ่งหลังจากเริ่ม kick-off การฉีดวัคซีน HPV 1 ล้านโดสภายใน 100 วัน ไปเมื่อวันที่ 8 พ.ย.2566 ที่ผ่านมา โดยมอบหมายให้ทุกจังหวัดรวมทั้งกรุงเทพมหานคร รณรงค์ฉีดวัคซีน HPV ให้กับนักเรียนหญิงกลุ่มเป้าหมายอายุ 11-20 ปีอย่างต่อเนื่อง และขยายการฉีดไปกลุ่มอายุเดียวกันที่อยู่นอกระบบโรงเรียนในเดือน ธ.ค.นั้น ขณะนี้ สธ.สามารถฉีดวัคซีนได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1 ล้านโดสแล้ว โดยตัวเลขล่าสุด ณ วันที่ 8 ธ.ค.2566 มีผู้ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว 1,036,891 โดส ถือเป็นความสำเร็จที่เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้และเร็วกว่ากำหนดที่คิดว่าจะทำ ให้สำเร็จ ด้วยความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วนขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. กล่าวว่า การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กนักเรียนหญิงอายุ 11-20 ปี พร้อมกัน 1 ล้านคน เป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งผลดีไปในภายหน้าหลายสิบปี ทำให้ประชากรกลุ่มฉีดวัคซีนนี้มีโอกาสเกิดมะเร็งปากมดลูกลดลงมากกว่า 10,000 ราย และหากกลุ่มเป้าหมายได้รับวัคซีน HPV เข็มที่ 2 โดยห่างจากเข็มที่ 1 อย่างน้อย 6 เดือน จะมีภูมิคุ้มกันที่สูงขึ้น อย่างไร ก็ตาม กลุ่มเป้าหมายหญิง 11-20 ปีในประเทศไทย มีจำนวน 3.8 ล้านคน ได้รับวัคซีนในปีนี้รวมกับที่เคยได้วัคซีนมาแล้วในอดีตทั้งหมด 2.2 ล้านคน จึงเหลือกลุ่มเป้าหมายเพียง 1.6 ล้านคน ที่จะทยอยเข้ารับวัคซีนต่อ รวมถึงการจัดหาวัคซีนเพิ่มเป็นเข็มที่ 2 ในอีก 6 เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ จะมีการรณรงค์ให้ผู้หญิงอายุ 30-60 ปี เข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกควบคู่กันไปด้วย เพื่อเป้าหมายสตรีไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดี ปลอดภัยจากมะเร็งปากมดลูกตามนโยบายมะเร็งครบวงจรของ สธ.อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่