การต่อสู้เรียกร้องด้านสิทธิมนุษยชนยังดำรงอยู่ ตราบเท่าที่มีความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้นในสังคม เมื่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) ได้จัดงาน “สมัชชาสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2566” อีกครั้ง เมื่อวันที่ 23-24 ส.ค.ที่ผ่านมาภายใต้แนวคิด “75 ปี ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรี เสรีภาพ ความเสมอภาค และความยุติธรรมสำหรับทุกคน” ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯมีการประชุมย่อยและเสวนาเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนโดยนักวิชาการ และนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง ตัวแทนนักเรียนชายขอบซึ่งเป็นนักเรียนประจำของ ร.ร.ไทยรัฐวิทยา 33 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เข้าร่วมงาน “สมัชชาสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2566” ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการ กทม.ในโอกาสนี้มีตัวแทนเด็กชายขอบที่เป็นชนเผ่าและอยู่ในฐานะไร้สถานะทางทะเบียนจาก โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 33 อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน มาจัดการแสดงชุด “ต่าโอ๊ะทู” แปลว่า “ชีวิต” และได้ทัศนศึกษาในกรุงเทพฯนอกจากนี้ ตัวแทนเด็กชายขอบเข้าพบ นายมานิจ สุขสมจิตร กรรมการมูลนิธิไทยรัฐ และคณะกรรมการโดย นายมานิจ กล่าวถึงการรับเด็กชายขอบเข้าเรียนว่า เป็นไปตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการทุกประการ การศึกษาเรียนรู้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างประเทศ“ใครอยู่ในประเทศไหนต้องให้การศึกษา เพื่อให้อยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข เด็กที่มาเรียนในโรงเรียนไทยรัฐวิทยา เป็นเรื่องของการดูแลทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย สิ่งที่เราสนับสนุนคืออาหารกลางวันให้เด็กได้มีกินอย่างถูกสุขลักษณะ พัฒนาครูให้อบรมสั่งสอนเด็กให้มีความรู้และเป็นคนดี” นายมานิจ กล่าว น.ส.ลาหมึทอ ดั่งแดนวิมาน จนท.มูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล.น.ส.ลาหมึทอ ดั่งแดนวิมาน จนท.มูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล ผู้นำเด็กเข้ามาร่วมงานสมัชชาสิทธิมนุษยชนฯ กล่าวว่า การแสดงชุด “ต่าโอ๊ะทู” ต้องการสื่อให้เห็นว่าปัญหาของเด็กที่เข้าไม่ถึงสิทธิที่ควรจะได้รับ ทั้งเรื่องการเดินทาง การรักษาพยาบาล ต้องการให้ผู้ใหญ่ได้เห็นจากเด็กเป็นเจ้าของปัญหาเอง น.ส.ตะเลพอ นักเรียนชายขอบชั้น ม.3 ร.ร.ไทยรัฐวิทยา 33 จ.แม่ฮ่องสอน.นักเรียนที่เดินทางมา อาทิ น.ส.ตะเลพอ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้น ม.3 เปิดเผยว่า มีบัตรประจำตัวมีอักษรนำหน้าด้วยตัวจี เข้ามาเรียนที่โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 33 สายสามัญ อยากเรียนสูงๆจะได้ทำงานที่ดีอาชีพในฝันคือเภสัชกร อยากเห็นผู้ใหญ่แก้ปัญหาเรื่องสิทธิไวๆ เพราะเด็กมีเพิ่มขึ้นทุกปีจะได้ไม่สั่งสมปัญหาขณะที่ น.ส.โสรดา อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.2 โรงเรียนไทยรัฐวิทยา 33 ระบุว่า เรียนจบอยากเป็นพยาบาลเพราะว่าคนที่ไม่มีบัตรเลข 13 หลัก เมื่อเจ็บป่วยจะได้ช่วยเหลือ นายสันติพงษ์ มูลฟอง ผจก.มูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล.ด้าน นายสันติพงษ์ มูลฟอง ผจก.มูลนิธิเครือข่ายสถานะบุคคล เป็นผู้ดูแลเรื่องสิทธิของคนชายขอบ กล่าวว่า เด็กไร้รัฐมีแต่ตัวตน เมื่อไม่มีเลข 13 หลัก ไม่มีหลักประกันอะไร กลุ่มนักเรียนที่บัตรขึ้นด้วยอักษรจี กลุ่มนี้ทั่วประเทศมีราว 100,000 คน เด็กเหล่านี้มีเพียงสิทธิในการเรียน แต่ไม่มีสิทธิอย่างอื่น เช่น ประกันสุขภาพ การเดินออกจากพื้นที่ การเข้าถึงเงินและกองทุนต่างๆ“เรากำลังดูเรื่องนี้อยู่ว่า ทำอย่างไรจะให้เด็กไร้รัฐไร้สัญชาติเหล่านี้ มีตัวตนตามหลักกฎหมายไทย โดยเฉพาะสามเณรกลุ่มหนึ่งเข้าเรียนไม่ได้ เพราะไม่มีวุฒิการศึกษาชั้น ป.6 เนื่องจากโรงเรียนพระปริยัติเปิดให้เรียนเฉพาะมัธยม ส่วน สพฐ.ระบุว่า ผู้เรียนของเขาเป็นเด็กหญิง เด็กชาย ไม่ใช่สามเณรจึงไม่รับ ส่วน กศน. สามเณรที่อายุต่ำว่า 15 ปี ก็เข้าเรียนไม่ได้ จึงกลายเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไข” นายสันติ กล่าวนายปรีชา สอนมาลา ครูโรงเรียนไทยรัฐวิทยา 33 เปิดเผยว่า เด็กที่เข้ามาเรียนส่วนใหญ่จบชั้นประถมศึกษาจากโรงเรียนชายแดนไทย-เมียนมา เข้ามาศึกษาต่อระดับชั้น ม.1 พบปัญหาคือภาษาที่ใช้สื่อสารของเด็กๆ โรงเรียนช่วยอย่างเต็มกำลังสามารถ แต่ภายใน 2 ปีสามารถใช้ภาษาไทยสื่อสารได้ดี“เรารับเด็กตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการ เราไม่ได้เลือกว่าเด็กจะมาจากไหน เราให้สิทธิเข้าถึงการศึกษาเท่ากัน” นายปรีชา กล่าวแม้เวลาจะผ่านไป 75 ปี แต่ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เสรีภาพ ความเสมอภาค และความยุติธรรมสําหรับทุกคนยังไม่สามารถปรากฏเป็นจริงได้ในประเทศไทยทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันผลักดันเร่งแก้ปัญหา เพื่อให้ไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล. นักเรียนแสดงชุด “ต่าโอ๊ะทู” แปลว่า “ชีวิต” สื่อให้เข้าใจเด็กที่เข้าไม่ถึงสิทธิที่ควรได้รับ.ดร.สัจภูมิ ละออ รายงาน