ผู้การราชบุรีสั่งเด้ง 5 เสือโรงพักบ้านโป่ง ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองยกกำลังกว่า 100 นายบุกทลาย 2 ผับดังใจกลางเมืองลักลอบเปิดเกินเวลากฎหมายกำหนด ปล่อยเด็กและนักเที่ยวเข้าไปมั่วสุมเสพยา ก่อนปิดประตูตีแมวดักทางออกไล่ต้อนนักท่องราตรีกว่า 400 คน เรียงคิวตรวจปัสสาวะ เจอฉี่ม่วงถึง 77 คน เคตามีนตกเกลื่อนพื้น อาวุธปืนอีก 2 กระบอก สอบพบพฤติกรรมปรับเวลาลงบิลเป็นเท็จลดจากความเป็นจริงถึง 2 ชม. เพื่อหลบเลี่ยงความผิด จ่อชงผู้ว่าฯสั่งปิดยาว 5 ปีเจ้าหน้าที่ปกครองบุกทลาย 2 ผับดังเมืองบ้านโป่งลอบเปิดเกินเวลาและมั่วสุมยาเสพติด เปิดเผยเมื่อเวลา 01.30 น.วันที่ 22 ก.ค.นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง พร้อมด้วยนายไกรธวัช ทินโสม ปลัดจังหวัดราชบุรี และ น.ส.สุภาภรณ์ ชมชัย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการประสานกำกับติดตามผลการดำเนินงานตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 22/2558 กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นำชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครอง และชุดเฉพาะกิจ หน.คสช.ที่ 22/2558 กว่า 100 นาย บุกตรวจค้นผับชื่อดัง 2 แห่งในเมืองบ้านโป่ง หลัง สืบทราบว่าลักลอบเปิดเกินเวลากฎหมายกำหนดและมั่วสุมยาเสพติดจุดแรกร้าน “อารีน่า บ้านโป่ง” ตั้งอยู่เลขที่ 98 หมู่ 7 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง และร้านที่สอง “ไฮไลท์ บ้านโป่ง” หมู่ 9 ต.ปากแรต เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่กระจายกำลังจู่โจมปิดล้อมสถานบริการทั้งสองแห่ง ทำให้นักเที่ยวหลายร้อยคนที่กำลังดื่มกินเต้นไปตามจังหวะเสียงเพลงอย่างสนุกสนาน บางส่วนมั่วสุมเสพยาอยู่ในร้านพากันตกใจแตกตื่นวิ่งหนี แต่ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมดักทางออกไว้หมด ไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ ก่อนแจ้งให้ทุกคนอยู่ในความสงบและเข้าแถวตรวจบัตรประชาชนคัดแยกกลุ่มอายุนักเที่ยว ตรวจสอบพบยาเสพติดเกลื่อนพื้น ส่วนใหญ่เป็นเคตามีน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐานสำหรับผับทั้งสองแห่งมีนายธนวัต วิจิตรจรัสกุล อายุ 30 ปี แสดงตนเป็นเจ้าของร้าน แต่ไม่มีใบอนุญาตสถานบริการ ขณะที่นักท่องราตรีทั้งชายและหญิงกว่า 400 คน ถูกจับตรวจปัสสาวะเรียงตัว ปรากฏว่าพบฉี่ม่วงเจอสารเสพติดในร่างกายถึง 77 คน แยกเป็นชาย 31 คน และหญิง 46 คน นอกจากนี้ยังพบเยาวชนมีอายุต่ำกว่า 20 ปี 4 คน แยกเป็นอายุ 17 ปี 1 คน อายุ 18 ปี 1 คน และอายุ 19 ปี อีก 2 คน นอกจากนี้ยังพบนักท่องเที่ยวพกปืน 2 กระบอก ทั้งสองอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากท้องที่อื่นหลังจับกุมเจ้าพนักงานปกครองแจ้งข้อกล่าวหานายธนวัต วิจิตรจรัสกุล ที่รับเป็นเจ้าของร้านทั้งสองแห่งรวม 4 ข้อหาคือตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต, จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด, จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่เหมาะสม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านโป่ง สอบสวนขยายผลเพิ่มเติมถึงยาเสพติดของกลางจำนวนมากที่พบในร้าน เนื่องจากเบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าสถานประกอบการน่าจะมีส่วนรู้เห็นหรืออาจมีการจำหน่ายยาเสพติดให้นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ และปล่อยให้มีการมั่วเสพยาในสถานบริการ หากมีหลักฐานชี้ชัดก็จะตั้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่อไปมีรายงานจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมว่าจากการสืบสวนพบว่าผับทั้งสองแห่งใช้วิธีตบตาหลบเลี่ยงกฎหมายด้วยการลงเวลาในใบเสร็จค่าสุราเป็นเท็จ โดยให้พนักงานลงเวลาปรับลดจากเวลาที่แท้จริงลง 2 ชั่วโมงเพื่อใช้ต่อสู้ว่าขายไม่เกินเวลาเที่ยงคืนซึ่งเป็นเวลาสุดท้ายที่กฎหมายกำหนดให้ขายได้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจะทำรายงานเสนอไปยัง ผวจ.ราชบุรี พิจารณาสั่งปิดผับทั้งสองแห่งเป็นเวลา 5 ปีด้านนายรณรงค์ ทิพย์ศิริ ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง เปิดเผยว่า สถานบริการทั้งสองแห่ง เปิดสถานบริการในพื้นที่นอกเขตโซนนิ่งให้ตั้งสถานบริการ และไม่มีใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการ จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งปล่อยปละละเลยให้เด็กและเยาวชนเข้าใช้บริการและจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็ก ปล่อย ปละละเลยให้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และอาวุธปืน ถือเป็นการกระทำที่นอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังเป็นการส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนลุ่มหลงในอบายมุข อันขัดกับศีลธรรมอันดี หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะนี้ ขอให้แจ้งไปที่ศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งไปยังฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องที่ เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิดให้ได้รับโทษตามกฎหมาย ไม่มีละเว้นต่อมาช่วงบ่ายวันที่ 22 ก.ค. พล.ต.ต.วชิรพงษ์ อมราพิทักษ์ ผบก.ภ.จ.ราชบุรี เรียกประชุมนายตำรวจทั้ง 16 โรงพักเพื่อวางแนวทางและนโยบายในการกวดขันสถานบันเทิงที่มีในพื้นที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย พร้อมมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.สายฟ้า จิราวรรธนสกุล รอง ผบก.ภ.จ.ราชบุรี เป็นประธานสอบสวนข้อเท็จจริงว่าตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ปล่อยปละละเลยให้สถานบันเทิงที่ถูกฝ่ายปกครองจับกุมทำผิดกฎหมายหรือไม่ ก่อนมีคำสั่งให้ พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงค์เกตุใจ ผกก.สภ.บ้านโป่ง, พ.ต.ท.ชาญ คำอารีย์สกุล รอง ผกก.ป.สภ.บ้านโป่ง, พ.ต.ท.มานพ น้ำประสานไทย รอง ผกก.สส.สภ.บ้านโป่ง, พ.ต.ท.พิษณุ เชิดโฉม สว.สส.สภ.บ้านโป่ง และ พ.ต.ท.วีระชัย กวีกิจดุรงค์ สวป.สภ.บ้านโป่ง ไปช่วยปฏิบัติราชการที่ ภ.จ.ราชบุรีก่อนชั่วคราว