นายเข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เผยว่า เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรในระดับพื้นที่ได้รายงานพบหนอนปลอกเล็ก ได้เข้าทำลายสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ภาคใต้กว่า 2,000 ไร่ และขณะนี้เริ่มแพร่กระจาย เพิ่มขึ้นในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและชุมพร กรมส่งเสริมการเกษตรจึงกำชับให้เจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร หากแพร่ระบาดรุนแรงในพื้นที่จะทำให้ผลผลิตมะพร้าวและปาล์มน้ำมันลดลง“ปกติหนอนปลอกเล็กจะพบการระบาดมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ แต่เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้สามารถพบการเข้าทำลายได้ตลอดทั้งปี จึงขอให้เกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวและปาล์มน้ำมันในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะภาคใต้ หมั่นสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอ การแพร่ระบาดหนอนปลอกเล็ก สามารถแพร่กระจายได้โดยลม ระยะหนอนเป็นระยะที่ทำให้เกิดความเสียหาย โดยระยะตัวหนอนใช้เวลา 92-124 วัน โดยหนอนจะแทะผิวใบมะพร้าวหรือใบปาล์มน้ำมันแล้วเอามาทำปลอกหุ้มตัว ทำให้ใบแห้งเป็นสีน้ำตาล และกัดทะลุใบเป็นรูขาดแหว่ง ถ้ารุนแรงจะเห็นทางใบทั้งต้นเป็นสีน้ำตาลแห้งคล้ายใบไหม้ ส่งผลให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต และผลผลิตลดลง”อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรแนะวิธีป้องกันกำจัด ให้หมั่นสำรวจสวนอย่างสม่ำเสมอ หากพบการทำลายเล็กน้อยให้ตัดทางใบที่หนอนกำลังทำลายมากำจัดทิ้ง แต่หากในพื้นที่พบการระบาดของด้วงงวงหรือด้วงสาคูไม่ควรตัดทางใบเพราะรอยแผลจะเป็นช่องทางเข้าทำลายของด้วงงวงได้อีก แนะนำให้เกษตรกรพ่นเชื้อบีที (Bacillus thuringiensis) อัตรา 100 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมสารจับใบ 5 มิลลิลิตร พ่นให้ทั่วบริเวณใต้ใบและต้องพ่นในช่วงเช้าหรือเย็น เพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดดที่จะทำลายเชื้อบีที โดยใช้เครื่องพ่นที่ปรับความดันได้ไม่น้อยกว่า 30 บาร์ และพ่นติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ห่างกัน 5-7 วันกรณีพบการระบาดรุนแรง ใช้วิธีพ่นสารทางใบ โดยเลือกใช้สาร ชนิดใดชนิดหนึ่ง ฟลูเบนไดเอไมด์ 20% WG อัตรา 5 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ คลอแรนทรานิลิโพรล 5.17% SC หรือ ลูเฟนนูรอน 5% EC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร แต่ควรระมัดระวังการใช้สารลูเฟนนูรอนในบริเวณใกล้แหล่งน้ำหรือบริเวณเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เนื่องจากมีพิษสูงต่อกุ้ง.