ปี 2565 เป็นอีกปีที่ กระทรวงการต่างประเทศ โดย กรมการกงสุล ได้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการประชาชนอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง จากความท้าทายของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสถานการณ์ความไม่สงบ ของพื้นที่ต่างๆในโลก รวมถึงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการให้บริการประชาชน และปรับแนวทางให้สอดรับกับสถานการณ์นิวนอร์มอล เพื่อให้บรรลุผลตามนโยบาย “การทูตเพื่อประชาชน ทุกแห่งหนเราดูแล” ของกระทรวงฯการทูตเพื่อประชาชน ทุกแห่งหนเราดูแลในรอบปี 2565 ที่ผ่านมา กรมการกงสุลสถาน เอกอัครราชทูต และสถานกงสุลใหญ่ไทย จำนวน 94 แห่งทั่วโลก ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีภารกิจในการดูแลและคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ ได้ให้ความช่วยเหลือดูแลคนไทยในต่างประเทศที่มีอยู่ประมาณ 1.4 ล้านคนทั่วโลกภารกิจสำคัญในครึ่งแรกของปียังคงเป็นการช่วย ประสานงานและอำนวยความสะดวกให้คนไทยได้ เดินทางกลับประเทศไทยอย่างปลอดภัย ภายใต้ข้อจำกัด ด้านการเดินทางและมาตรการด้านสาธารณสุขที่เข้มงวด ของแต่ละประเทศจากสถานการณ์โควิด-19กรมการกงสุล และสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ ร่วมกับเครือข่ายกงสุลอาสาทั่วโลกยังคง ส่งมอบความช่วยเหลือ แจกจ่ายสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ให้กับคนไทยที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ต่างๆ ในหลายประเทศ รวมถึงให้ความช่วยเหลือจัดลงทะเบียนฉีดวัคซีน (Expatvac) ให้แก่ชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทยกว่า 7.3 หมื่นราย ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2564 ด้วยการจัดการและอำนวยความสะดวกคนไทยเดินทางกลับประเทศ เป็นโอกาสที่กรมการกงสุล นำนวัตกรรมบริการอิเล็กทรอนิกส์มาพัฒนาบริการ ตั้งแต่การออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศ (Certificate of Entry : COE) ในรูปแบบกระดาษ ทำให้กรมการกงสุลได้รับรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2564 สาขาบริการภาครัฐ ระดับดีเด่น จนต่อมาได้ร่วมกับ สนง.พัฒนารัฐบาลดิจิทัล (สพร.) พัฒนา COE สู่ระบบ “Thailand Pass” ที่อำนวยความสะดวกแก่ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติเข้าประเทศไทย เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ การช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบในหลายมิติทั่วโลก โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยและชีวิตความเป็นอยู่ ของคนไทยในต่างประเทศ คือ สถานการณ์ความไม่สงบในประเทศยูเครน ซึ่งมีคนไทยพำนักอยู่กว่า 250 คน กระทรวงการต่างประเทศได้มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่เมืองลวีฟ ซึ่งอยู่ทาง ตะวันตกของยูเครน โดยรับคนไทยข้ามแดนกลับประเทศ รวมทั้งช่วยเหลือมิตรประเทศอาเซียน ได้แก่ ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ซึ่งทั้ง 2 ประเทศได้ขอบคุณทางประเทศไทยด้วยช่วงต้นปี 2564 เป็นต้นมา กรมการกงสุล ร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ให้ความช่วยเหลือ คนไทยกว่า 1,500 ราย ที่ถูกหลอกลวง/เดินทางไปทำงานผิดกฎหมายในกัมพูชา อาทิ คอลเซ็นเตอร์ ล่อลวงโอนเงิน หรือนายหน้าชักชวนลงทุนสินทรัพย์ประเภทต่างๆ (หุ้นคริปโต) รวมถึงเล่นพนันออนไลน์ โดยส่วนใหญ่จะไปทำงานในพื้นที่ กรุงพนมเปญ จ.พระสีหนุ เมืองปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย รวมถึง จ.สเวเรียง (ชายแดนกัมพูชา-เวียดนาม) และย้ำเตือน ไม่ให้หลงเชื่อไปทำงานผิดกฎหมายในกัมพูชางานกงสุลกับนวัตกรรมการบริการกระทรวงการต่างประเทศ ให้ความสำคัญต่อการ นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาบริการงานด้าน กงสุล มานานมากกว่า 15 ปี เมื่อกรมการกงสุลเปิดบริการหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Passport) ในปี 2548 ประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกๆของโลก ที่ใช้หนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง ในเรื่องรูปเล่มและกระบวนการทำหนังสือเดินทางที่ใช้เพียงบัตรประชาชนเพียงใบเดียวมาจนถึงปัจจุบันมุ่งเน้นนวัตกรรมการให้บริการ พัฒนาระบบหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้ขยายการให้บริการผ่านเครื่องรับคำร้องขอทำหนังสือเดินทางด้วยตัวเอง (kiosk) โดยผู้ร้องต้องเป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และเคยมีหนังสือเดินทางมาก่อน โดยใช้เพียง บัตรประชาชนใบเดียวและสามารถชำระค่าธรรมเนียมโดยสแกน QR Code ที่เครื่องได้ในคราวเดียว ที่ สนง. หนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน (MBK Center) และ บางใหญ่ (เซ็นทรัล เวสต์เกต) รวมทั้งด้านอื่นๆ อาทิแอปพลิเคชัน ThaiConsular สำหรับคนไทย ที่พำนักในต่างประเทศและที่กำลังจะเดินทางไปต่างประเทศให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารงานกงสุลที่เป็นประโยชน์ อาทิ บริการด้านกงสุล บริการ chatbot ตลอด 24 ชั่วโมง แจ้งเตือนข้อมูลที่จำเป็นขณะอยู่ที่ต่างประเทศ รวมถึง สามารถติดต่อ และค้นหาที่ตั้งของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก เพื่อขอรับความช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉินได้ทันท่วงทีระบบการจองคิวออนไลน์ สำหรับบริการ “ทำหนังสือเดินทาง” (www.qpassport.in.th) ที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ และ สนง.หนังสือเดินทาง ชั่วคราวอื่นๆในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดรวม 25 แห่ง และบริการจองคิวออนไลน์ “รับรองเอกสาร” (https://qlegal.consular.go.th) ที่กรมการกงสุล, สนง.สัญชาติและนิติกรณ์ MRT คลองเตย, สนง.หนังสือ เดินทางฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต เพื่อลดการสัมผัสและ ลดความแออัด (social distancing) รวมทั้งบริการที่สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น การตรวจลงตราแบบไร้แผ่นปะ (Stickerless e–Visa) การพัฒนาระบบ Stickerless e-Visa เป็นการ ยกระดับการให้บริการให้ ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ โดยใช้ เทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งเป็นการพลิกโฉมการตรวจลงตราของไทยโดยไม่ต้องเดินทางไปที่สถานเอกอัครราชทูต/ สถานกงสุลใหญ่ไทย ไม่ต้องติดแผ่นปะวีซ่า ในเล่มหนังสือเดินทางและ สามารถชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบ e-Paymentได้ นอกจากนี้ Stickerless e-Visa ยังเป็นระบบที่มีการบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูล กับ สนง.ตรวจคนเข้าเมืองแบบ realtimeปัจจุบันได้เปิดบริการ stickerless e-Visa แล้ว ในสถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ 38 แห่ง และมีแผนขยายการให้บริการให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาคของโลก ทำให้กรมการกงสุล ได้รับรางวัลเลิศรัฐสาขาการบริการภาครัฐ ประเภทพัฒนาการบริการ ประจำปี 2565 จากสำนักงาน ก.พ.ร.“ของขวัญปีใหม่ 2566 จากใจกรมการกงสุล”ในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2566 กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมการกงสุล มีความยินดี ที่จะมอบของขวัญต้อนรับปีใหม่ 2566 ให้กับประชาชนคนไทย ได้แก่1.การให้บริการหนังสือเดินทางด่วนภายในวันเดียว (ทำเช้า-รับบ่าย) โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมเล่มด่วน ตั้งแต่วันที่ 3-13 มกราคม 2566 (ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ) จำกัดจำนวน 100 คิว/วัน ทั้งนี้ รับบริการก่อน 11.30 น. ณ สนง.หนังสือเดินทางทุกแห่ง และรับเล่ม เวลา 14.30-16.30 น. ณ กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะแห่งเดียว2.การให้บริการหนังสือเดินทางวันเสาร์–อาทิตย์ ตลอดปี 2566 ณ สนง.หนังสือเดินทางชั่วคราว ปทุมวัน (MBK Center) และ สนง.หนังสือเดินทางชั่วคราว บางใหญ่ (เซ็นทรัล เวสต์เกต) เวลา 10.00-18.00 น.3.การให้บริการกงสุลสัญจร “ของขวัญตลอดปี” เพื่อให้บริการหนังสือเดินทางเคลื่อนที่ในพื้นที่ต่างจังหวัด ทั่วประเทศ เดือนละ 1 ครั้ง รวม 12 ครั้ง ตลอดปี 2566 เพื่อบริการประชาชนในพื้นที่จังหวัดที่ไม่มีสาขา สนง. หนังสือเดินทางตั้งอยู่4.การให้บริการแปลเอกสารภาษาอังกฤษ โดยไม่คิดค่าบริการ (จำกัดคนละ 1 เอกสาร โดยต้องเป็น เอกสารของตัวเองและเอกสารนั้นแปลเพื่อทำนิติกรณ์เท่านั้น) ตั้งแต่วันที่ 3-31 มกราคม 2566 วันจันทร์- ศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการ) ณ กรมการกงสุล, สนง.สัญชาติ และนิติกรณ์ MRT คลองเตย สนง.หนังสือเดินทางชั่วคราวภูเก็ต และเชียงใหม่ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชนในการจ้างเอกชนแปลเอกสาร5.การบริการรถทะเบียนเคลื่อนที่ ของ กทม. ณ กรมการกงสุล โดยกรมการกงสุล ร่วมกับกรุงเทพ มหานคร เปิดให้บริการรถทะเบียนเคลื่อนที่ กทม. (Bangkok Mobile Service) ตั้งแต่วันที่ 3-31 มกราคม 2566 ทุกวันจันทร์-ศุกร์ (เว้นวันหยุดราชการ) ณ ลานจอดรถกรมการกงสุล เพื่อให้บริการ ทำบัตรประชาชนใหม่ และคัดสำเนาเอกสารทะเบียน ราษฎรภาษาไทยและอังกฤษ 3 ประเภท ได้แก่ รายการทะเบียนบ้าน สูติบัตร และมรณบัตรกรมการกงสุล มุ่งมั่น พัฒนา เพื่อให้ไปสู่ เป้าหมายบริการ “การทูตเพื่อประชาชน ทุกแห่งหนเราดูแล” สามารถติดตามรายละเอียดการทำงานของกรมการกงสุลได้อย่างต่อเนื่องที่เว็บไซต์ www.consular.go.th.Facebook Twitter Instagram และ Tiktok กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call center กรมการกงสุล 0-2572 8442.ทีมข่าวภูมิภาค