อีกคดีมหากาพย์ร่วมกันโกงเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจจังหวัดพัทลุงสร้างความเสียหายกว่า 1,500 ล้านบาท มีกลุ่มผู้ต้องหาที่ทำเป็นขบวนการกว่า 27 ราย แบ่งหน้าที่กันทำทุกขั้นตอน มีวิธีการที่แยบยล ไม่คิดว่าจะมีใครตรวจสอบเอาผิดได้ สุดท้ายหนีไม่รอดฝีมือตำรวจยุค พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบหมาย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. รวบรวมพยานหลักฐานจับกุม ยึดทรัพย์ผู้ร่วมกระทำผิดได้ทั้งหมดต้นเรื่องย้อนไปวันที่ 24 ม.ค.กลุ่มตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์จังหวัดพัทลุงรวมตัวกันยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมจาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้ช่วยติดตามคดีการทุจริตภายในสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจจังหวัดพัทลุง เนื่องจากคดีไม่คืบหน้า กลุ่มผู้ต้องหาหลายรายยังทำงานเกี่ยวข้องอยู่ในสหกรณ์ เกรงว่าจะไปทำลายหลักฐาน จนไม่สามารถเอาผิดกลุ่มผู้ต้องหา จะยิ่งทำให้ตำรวจและครอบครัวได้รับความเดือดร้อนหนักพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ รายงานข้อมูลความเดือดร้อนของตำรวจให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ ทราบมีคำสั่งแต่งตั้ง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีและให้ความเป็นธรรมกับตำรวจที่เดือดร้อน ประสาน พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง เลขา ป.ป.ง. พ.ต.ท.ธีรพงษ์ ดุลยวิจารณ์ ผอ.คด.4 ปปง. นางชลธิชา ดาวเรือง ผอ.คด.3 ปปง. ติดตามทรัพย์สินกลับคืนให้ผู้เสียหายและดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหาในความผิดฐานฟอกเงิน ชุดสืบสวนใช้เวลารวบรวมหลักฐานกว่า 6 เดือน พบพยานหลักฐานว่า ตั้งแต่ปี 2563 หลังสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง จำกัด เปลี่ยนตัวผู้จัดการสหกรณ์ ตรวจสอบพบความผิดปกติทางบัญชี การเงิน เกี่ยวข้องกับการทุจริตของคณะกรรมการดำเนินการชุดก่อน ร่วมกันกระทำความผิดมาอย่างต่อเนื่องมานานตั้งแต่ปี 2544 ถึงปี 2563 มีรูปแบบการกระทำความผิดและวิธีการมากกว่า 10 วิธีการ เช่น ตกแต่งบัญชีของสมาชิกและไม่ได้เป็นสมาชิก ตกแต่งบัญชีลูกหนี้และลูกหนี้ที่ไม่มีตัวตน หรือตกแต่งบัญชีเกินความเป็นจริง การปลอมใบเสร็จรับเงิน ความเสียหายกว่า 1,489 ล้านบาทคณะทำงานมีหลักฐานพบว่า กลุ่มคนร้ายจะแบ่งหน้าที่กันชัดเจน 3 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มผู้ตรวจสอบ ทั้งผู้จัดการ ผู้มีตำแหน่งในสหกรณ์ ช่วยกันวางแผน สร้างเอกสารเท็จ รับรองเอกสารที่ถูกสร้างขึ้นมา และช่วยตรวจสอบเอกสาร เพื่อให้เนียนว่าไม่มีการทุจริต 2.กลุ่มเจ้าหน้าที่ลูกจ้างสหกรณ์ ร่วมกันตกแต่งบัญชีลูกหนี้ ใส่เงินกู้เงินจำนวนที่กู้จริง จัดทำบัญชีลูกหนี้ปลอมที่ไม่มีชื่ออยู่จริง ลงลายมือชื่อปลอมเอกสารต่างๆ3.กลุ่มตำรวจที่ดำรงตำแหน่งในสหกรณ์ ร่วมลงลายมือชื่อกับผู้จัดการ สั่งจ่ายเช็คผิดระเบียบ โดยเมื่อทำเอกสารการกู้เท็จหรือปลอมแล้ว จะมีการสั่งจ่ายเช็คโดยทุจริตเข้าบัญชีของกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการแล้วนำเงินมาแบ่งผลประโยชน์กันเป็นขบวนการใหญ่ร่วมกันฉกฉวยหาผลประโยชน์จากสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจพัทลุง เชื่อว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้เพิ่งมาเกิดขึ้น เพียงแค่ยังไม่มีใครกล้าเปิดข้อมูลขึ้นมา ด้วยเม็ดเงินกองประโยชน์มหาศาล และกลุ่มเครือข่ายผู้ที่มาร่วมทุจริต ทั้งที่อยู่ในตำแหน่งและเกษียณไปแล้วล้วนแต่ไม่ใช่ธรรมดาคำสั่ง ผบ.ตร.ให้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เข้ามารื้อพยาน “เอกสาร” การทุจริตไล่ตรวจค้นจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิด เปิดโอกาสให้สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจทุกแห่งที่ถูกเอาเปรียบเข้ามาให้ข้อมูลเพื่อดำเนินคดีการเข้าดำเนินการกลุ่มเครือข่ายทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจจังหวัดพัทลุงของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้มีการรวบรวมหลักฐานโดยละเอียดเพื่อดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้องทุกราย เป็นสิ่งที่ตำรวจผู้น้อยรอคอย หลังทนอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะไม่อยากมีปัญหากับผู้บังคับ บัญชาขณะนี้ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ดำเนินคดีผู้ต้องหา 27 ราย แบ่งเป็นผู้จัดการและเจ้าหน้าที่สหกรณ์ 12 ราย คือ นางสาวสุภา สุวรรณเดชากุล ผู้จัดการกับพวก ตำรวจอยู่ในราชการ 6 ราย อดีตตำรวจเกษียณ 3 คน บุคคลภายนอก 5 คน เกี่ยวข้องเป็นผู้รับโอนเงิน นำขึ้นเงิน เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีภาคเอกชนและเป็นโปรแกรมเมอร์ มีอดีตข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ฯ เกษียณแล้ว 1 ราย นางสาวพัชรา ชุณลาหานา ที่ต้องส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. ดำเนินคดีหลังขยายผลพบตัวละครมาเกี่ยวข้องทุจริตสหกรณ์ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดปฏิบัติการตรวจค้นจับกุมและยึดทรัพย์กลุ่มผู้ต้องหา ครั้งแรกวันที่ 22 ส.ค. ตรวจค้น 74 เป้าหมายในพื้นที่ 9 จังหวัด ยึดอายัดทรัพย์สิน ทั้งอายัดบัญชี ตรวจยึดบ้านที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง ห้องชุด ที่ดินเปล่า รถยนต์ รถจักรยานยนต์มูลค่ากว่า 694 ล้านบาทครั้งที่ 2 วันที่ 13 ก.ย. ตรวจค้นเพิ่มเติมอีก 25 จุด พื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี นครศรีธรรมราช ตรังและพัทลุง ยึดอายัดทรัพย์สินได้เพิ่มเติมอีกกว่า 309 ล้านบาท มูลค่าทรัพย์สินตรวจยึดได้ทั้งหมด 1,003 ล้านบาทพล.ต.อ.สุวัฒน์ และ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ลงพื้นที่แถลงปิดคดีร่วมกับทำงานด้วยตนเอง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าวกับ “ทีมข่าวอาชญากรรม” ว่า “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. แต่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนในคดีนี้ มอบหมายให้เป็นหัวหน้าคณะทำงานกำกับควบคุมดูแลการสืบสวนสอบสวนเอาผิดผู้กระทำผิดที่เกี่ยวข้องทั้ง 27 ราย ติดตามจับกุมได้ครบทุกรายและเปิดปฏิบัติการตรวจค้นทรัพย์สิน 99 จุด ในหลายจังหวัดที่เกี่ยวข้อง ยึดทรัพย์สินได้ 1,000 ล้านบาท”“คดีนี้สอบปากคำพยานกว่า 959 ราย เอกสารในสำนวนมีมากกว่า 50,000 แผ่น พนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 26 รายตามฐานความผิดทุกข้อกล่าวหา สรุปสำนวนเตรียมเสนออัยการต่อไป ส่วนผู้ต้องหาอีก 1 ราย ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐ ได้แยกทำสำนวนเสนอส่ง ป.ป.ช. ในส่วนของทรัพย์สินที่มีการตรวจยึดอายัดแยกสำนวนเป็นคดีฟอกเงินอีกส่วนหนึ่งและจะเร่งสรุปสำนวนเสนออัยการชั้นต่อไปเพื่อทำคดีให้เกิดความเป็นธรรม เยียวยาตำรวจและครอบครัวที่ได้รับความเสียหาย”เป็นคดี “โกงเงินสหกรณ์ตำรวจ” ที่ซับซ้อนร่วมกันโกงนานกว่า 20 ปี สร้างความเดือดร้อนและอึดอัดตำรวจที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ ไม่เคยมีใครจัดการให้ความเป็นธรรมตำรวจชั้นผู้น้อยที่ถูกเอารัดเอาเปรียบด้วยฝีมือการสืบสวนคณะทำงาน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ และทีมสืบสวนที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ คัดเลือกตัวเองทำให้ปิดคดีได้เร็ว จับกุมผู้ร่วมขบวนการทุกราย ยึดอายัดทรัพย์สินเพื่อนำกลับคืนมาให้ตำรวจสมาชิกสหกรณ์อีกคดีที่น่าจดจำบทบาทผู้นำตำรวจของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้คิดและทำเพื่อครอบครัวตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา ปิดคดีโกงเงินสหกรณ์ตำรวจก่อนเกษียณ สมราคาที่ได้ชื่อเป็นอาจารย์สืบสวน...ทิ้งผลงานให้ตำรวจรุ่นหลังได้จดจำ.ทีมข่าวอาชญากรรม