นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีกระแสข่าวการเกิดความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงปัญหาอาชญากรรมในสังคม ทั้งการทำร้ายร่างกาย พ่อแม่ ญาติพี่น้อง และบุคคลในครอบครัว ซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกายได้รับยาและสารเสพติดเป็นระยะเวลานาน ซึ่งเข้าไปทำลายสมอง ทำให้ผู้เสพแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น ก้าวร้าว หงุดหงิด เกิดอาการทางจิตประสาท ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หมกมุ่นและจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เสพยา ซึ่งหากพบว่า บุคคลในครอบครัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ควรตั้งสติ ใช้เหตุผล ร่วมพูดคุยถึงต้นเหตุปัญหาร่วมกันโดยไม่ดุด่า หรือลงโทษอย่างรุนแรง สร้างความเข้าใจกับทุกคนในครอบครัว ให้กำลังใจ ทั้งนี้ หากพบอาการผิดปกติต้องรีบปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ หรือรีบพาไปปรึกษาแพทย์ ที่สถานพยาบาลของรัฐทุกแห่งนพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผอ.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กล่าวว่า สบยช.ให้การบำบัดรักษาผู้ติดยาและสารเสพติด 2 รูปแบบ คือ 1.แบบผู้ป่วยนอก รักษาในรูปแบบกาย จิต สังคมบำบัดแบบไปกลับ 2.แบบผู้ป่วยในเน้นกระบวนการบำบัด ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็ง มีครอบครัวเป็นหลักสำคัญ ทั้งนี้ หากประสบปัญหาเกี่ยวกับยาและสารเสพติดขอรับคำปรึกษาเรื่องยาและสารเสพติดได้ที่ สายด่วนบำบัดยาเสพติด 1165 และสายด่วนเลิกยาเสพติด ผ่านศูนย์ดำรงธรรม 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง.