ภัยธรรมชาติ การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างผิดวิธีทำให้พื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังต้องเผชิญกับปัญหาอุทกภัย ขาดแคลนน้ำจืด รวมถึงการรุกของน้ำทะเลไปในแม่น้ำปากพนัง ส่งผลกระทบต่อวิถีการดำรงชีวิตของประชาชนในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร จึงพระราชทานพระราชดำริในการแก้ไขปัญหาถึง 13 ครั้ง เพื่อแก้ปัญหาให้ราษฎรสามารถประกอบอาชีพได้อย่างสมบูรณ์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้น้อมนำแนวพระราชดำริมาดำเนินการในการพัฒนาแหล่งน้ำ พัฒนาอาชีพ โดยมี สำนักงานคณะกรรมการพิเศษ เพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) ทำหน้าที่เป็นแกนกลางประสานงาน พิจารณางบประมาณ เริ่มจากสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำใส ฝายคลองไม้เสียบ จนถึงโครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นครศรีธรรมราช ก่อสร้างประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ ปิดกั้นน้ำเค็มไม่ให้รุกเข้าไปในลำน้ำ และกักเก็บน้ำจืดไว้ใช้ในการดำรงชีพ จนถึงวันนี้ได้รับการต่อยอดจากในหลวงรัชกาลที่ 10 ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพที่มั่นคงและยั่งยืน มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น“โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯ มีศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำหน้าที่บริหารงาน ถือเป็นศูนย์สาขาของศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ เพราะนำเอาหลักการเดียวกันมาบริหารจัดการ มีกรมชลประทานเป็นหน่วยงานหลักในการส่งเสริมอาชีพให้แก่ประชาชน ทั้งด้านประมง ปศุสัตว์ พืช และการพัฒนาดิน ส่งเสริมการแปรรูปโดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การทำปลากระบอกร้า ที่นิยมบริโภค ด้วยรสชาติดี เนื้อปลานุ่มเหนียวมีไขมันแทรก เนื่องจากเป็นปลาน้ำกร่อย ขณะที่ผลผลิตอื่นก็สามารถปลูกได้หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะส้มโอ ทับทิมสยาม ผลไม้จีไอ ที่ตลาดต้องการ” นายสมพงศ์ เจตนารมย์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจแปรรูปปลากระบอกร้า และศูนย์เรียนรู้การแปรรูปกระบอกร้าปากพนัง เล่าถึงที่มาของพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่สามารถฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ลุ่มน้ำปากพนังให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น...หลังจากความอุดมสมบูรณ์กลับคืนมาอีกครั้ง ทำให้ปลากระบอกตามธรรมชาติกลับมาชุกชุมอีกครั้ง โดยปลากระบอกที่นี่จะกินแพลงก์ตอนที่มีอุดมสมบูรณ์ในปากน้ำแม่น้ำปากพนังเป็นอาหาร จึงมีรสชาติอร่อย หวานมัน ชาวบ้านจึงนำมาแปรรูปเป็นปลากระบอกร้า หรือปลากระบอกเค็ม สร้างรายได้เข้าชุมชนโดยขายในตลาดร้อยปีปากพนังและทางออนไลน์ โดยมีศูนย์อำนวยการและประสานการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังฯให้คำแนะนำและเป็นพี่เลี้ยง นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมการเลี้ยงปลาชนิดต่างๆ รวมถึงส่งเสริมการเลี้ยงปูขาวหรือปูเนื้อ ที่นิยมบริโภคกันแต่มีราคาค่อน ข้างสูง พร้อมกับนำไปส่งเสริมให้ชาวบ้านผู้สนใจที่อยู่ในพื้นที่ชลประทานน้ำเค็มเลี้ยงเป็นอาชีพ ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงในรูปแบบคอนโด โดยปูขาวเมื่อเลี้ยงครบ 4 เดือน ก็สามารถขายได้ ตัวผู้จะขายเป็นปูเนื้อในราคา กก.ละ 500-600 บาท ต่อมาในปี 2561 ได้มีการรวมกลุ่มเป็นแปลงใหญ่ปูขาวขณะที่ด้านพืชผลก็ได้รับประโยชน์เช่นกัน สามารถเพาะปลูกพืชได้อย่างหลากหลายขึ้น โดยเฉพาะพืชที่เป็นเอกลักษณ์จำเพาะของพื้นที่อย่างส้มโอทับทิมสยาม ส้มโอจีไอที่รสชาติหวานนุ่ม เนื้อสีแดงทับทิม ผิวผลนิ่มดั่งกำมะหยี่ เป็นที่ต้องการของตลาดมาก และมีที่เดียวในประเทศไทย จนปัจจุบันก้าวสู่การเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการผลิตพืชที่มีลักษณะจำเพาะ ที่ปัจจุบันมีคนเดินทางเข้ามาเรียนรู้ และนำพันธุ์ส้มโอไปปลูกในพื้นที่ของตนเองมากขึ้น. กรวัฒน์ วีนิล