นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยภายหลังการลงนามความร่วมมือ “การไม่รับซื้อวัสดุมีค่าจากการเผาซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์” ระหว่างกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) และภาคีเครือข่าย 118 แห่ง ว่า ปี 2564 ประเทศไทยมีปริมาณซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เกิดขึ้น 435,000 ตัน ถูกเก็บรวบรวมไปกำจัดอย่างถูกต้องเพียง 70 ตันเท่านั้น ซากผลิตภัณฑ์ฯที่มีค่าส่วนใหญ่จะถูกขายให้ซาเล้ง รถเร่ หรือร้านรับซื้อของเก่า ส่วนซากผลิตภัณฑ์ฯที่ไม่มีค่าจะถูกทิ้งรวมกับขยะชุมชนทั่วไป ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลต้องการส่งเสริมให้มีระบบเก็บรวบรวมและกำจัดขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลของชุมชน รวมถึงมูลฝอยติดเชื้อ ของเสียอันตรายและกากอุตสาหกรรมอย่างถูกต้องเป็นไปตามมาตรฐานสากลนายวราวุธกล่าวต่อว่า ซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถือเป็นขยะอิเล็กทรอนิกส์แต่เป็นขยะที่ยังมีวัสดุที่มีค่าสามารถนำมาสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่มีมูลค่าสูง เช่น ทองแดงที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลหรือหลอมเพื่อนำกลับไปผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า ธุรกิจก่อสร้าง เครื่องจักร และยานยนต์ แต่ก็ต้องเป็นวิธีการที่ถูกต้องด้วย ไม่อย่างนั้นจะนำไปสู่การสร้างปัญหามลพิษอื่นเพิ่มขึ้น ซึ่งนำมาสู่การลงนามบันทึกความร่วมมือคือ ผู้ประกอบการยินดีที่จะร่วมมือไม่รับซื้อวัสดุมีค่าที่มาจากการเผา เริ่มจากผลิตภัณฑ์ทองแดงที่มาจากการเผาสายไฟ เพราะการไม่รับซื้อจะเป็นการตัดวงจรการเผาที่ดีที่สุด แทนการบังคับใช้กฎหมายและจะร่วมเป็นหูเป็นตาไม่ให้มีการแอบซื้อ“ทส.ต้องขอความร่วมมือจากร้านรับซื้อของเก่า ศูนย์รับซื้อ โรงงานหลอมโลหะ โรงงานรีไซเคิล ว่าซากเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่นำมาถอดแยกเพื่อให้ได้วัสดุที่มีค่า มีต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องเสียไป สิ่งของที่มีสารอันตราย/สารเคมีเป็นองค์ประกอบ จะเป็นอันตรายเพิ่มขึ้นและส่งผลกระทบกับประชาชนหากมีการจัดการไม่ถูกต้อง การขับเคลื่อนการดำเนินงานในเรื่องนี้จะประสบผลสำเร็จได้จึงต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา” นายวราวุธกล่าว.