พ.ต.ท.สมเกียรติ นนทแก้ว ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (สปภ.) กทม. เปิดเผยว่า ภายหลัง กทม.ซ่อมแซมเรือดับเพลิงในคดีสไตเออร์จำนวน 10 ลำ จากจำนวนทั้งหมด 30 ลำแล้วเสร็จ และได้นำเรือดับเพลิงไปประจำการที่สถานีดับเพลิงและกู้ภัยบวรมงคล และที่สถานีดับเพลิงฯสามเสน แล้วนั้น สปภ.มีแนวคิดที่จะก่อสร้างสถานีดับเพลิงและกู้ภัยทางน้ำเพิ่มเติม 3 แห่ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รวมถึงดูแลความปลอดภัยของประชาชนที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำ และนักท่องเที่ยวได้แก่ ที่บริเวณวัดสร้อยทอง เขตบางซื่อ บริเวณสำนักการศึกษา เขตคลองสาน และบริเวณพื้นที่ของการท่าเรือแห่งประเทศไทย เขตคลองเตย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษา สำรวจ และประสานขอใช้พื้นที่สำหรับจัดตั้งเป็นสถานีดับเพลิงและกู้ภัยทางน้ำทั้งนี้ หากได้พื้นที่ทั้ง 3 แห่ง สำหรับจัดตั้งเป็นสถานีดับเพลิงและกู้ภัยทางน้ำแล้ว สปภ.จะมีการซ่อมแซมเรือดับเพลิงใน 20 ลำ ที่เหลือเพิ่มเติม ซึ่งจะซ่อมแค่บางส่วน เฉพาะที่จะนำไปใช้งานจริงๆเท่านั้น ส่วนที่เหลือได้มีส่วนราชการท้องถิ่นประมาณ 10 หน่วยงานติดต่อขอยืมไปใช้ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ดูแลประชาชนในพื้นที่ ในส่วนนี้ กทม.จะพิจารณาเทศบาลส่วนท้องถิ่นนั้นๆว่ามีศักยภาพในการซ่อมแซมเรือดับเพลิงได้หรือไม่ เพราะ กทม.ไม่ได้ซ่อมให้ก่อนนำไปใช้ รวมถึงพิจารณาความจำเป็น ความเหมาะสมในการนำเรือดับเพลิงไปใช้งาน โดยจะทำข้อตกลงให้ยืมใช้ปีต่อปีเท่านั้นพ.ต.ท.สมเกียรติได้กล่าวถึงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ดับเพลิงเพิ่มเติม ซึ่งก่อนหน้านี้ กทม.ได้นำร่องโครงการจัดซื้อรถจักรยานยนต์ดับเพลิงจำนวน 18 คัน คันละ 1.3 ล้านบาท ว่า สปภ.ได้ประเมินความคุ้มค่า ความจำเป็นในการใช้งาน รวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงพื้นที่เกิดเหตุในชุมชนแออัด ตรอก ซอกซอยที่รถขนาดใหญ่เข้าถึงได้ยาก เพื่อช่วยระงับเพลิงไหม้ในเบื้องต้น รวมถึงประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะแจ้งไปยังสถานีดับเพลิงให้เตรียมอุปกรณ์ดับเพลิงมาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ขณะนี้ สปภ.ได้จัดซื้อรถจักรยานยนต์ดับเพลิงเพิ่มเติม 19 คัน รวมเป็น 37 คัน ซึ่งได้ทยอยส่งมอบไปประจำการตามสถานีดับเพลิงต่างๆตามความเหมาะสมและความจำเป็นในการใช้งาน.