ชนวนธุรกิจซบเซา-ครอบครัวสาวใหญ่เจ้าของแพปลาเมืองแม่กลอง เครียดปัญหาชีวิตรุมเร้า ซดเบียร์ย้อมใจก่อนปิดห้องกระจกรมควันฆ่าตัวตาย เขียนจดหมาย สั่งเสียมอบทรัพย์สินให้ลูกชายทั้ง 2 คนที่เกิดจากอดีตนายตำรวจสามีเก่า พนักงานสอบสวนส่งศพให้แพทย์นิติเวชชันสูตร พร้อมเรียกคนใกล้ชิดสอบปากคำหาสาเหตุให้แน่ชัด คาดอาจมีปัญหาหนี้สิน เพราะระยะหลังเศรษฐกิจไม่ดีกิจการแพปลาอาจขาดทุนรมควันฆ่าตัวตายกลายเป็นวิธีปลิดชีพยอดฮิต มีคนคิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยวิธีนี้แทบทุกวัน รายล่าสุดเปิดเผยเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 มี.ค. ร.ต.ท.หญิง พิมพ์ชนก ศรีมูล รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองสมุทรสงคราม รับแจ้งจากหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม ว่ามีผู้เสียชีวิตบริเวณสะพานปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง จำกัด ถนนแหลมใหญ่ ต.แม่กลอง อ.เมืองสมุทรสงคราม นำกำลังชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.สมุทรสงคราม ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น เลขที่ 207/5-6 ต.แม่กลอง อ.เมืองสมุทรสงคราม ชั้นล่างเป็นห้องกระจกติดแอร์ ประตูห้องถูกปิดด้วยเทปกาวแน่นหนาป้องกันอากาศเข้าไป ในห้องกระจกพบศพ น.ส.ณัฐธยาน์ วุฒิพันธ์ อายุ 49 ปี ที่อยู่ตาม บัตรประชาชนเลขที่ 79/4 หมู่ 1 ต.บ้านปรก อ.เมืองสมุทรสงคราม นอนหงายบนโซฟา สวมเสื้อคอปกแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสั้นสีดำ บนพื้นข้างศพมีกระป๋องเบียร์วางอยู่ 3 กระป๋อง ขนมขบเคี้ยว 1 ซอง และยานอนหลับ 1 ขวดเล็ก ห่างจากศพราว 2 เมตร มีหม้อนึ่งใส่น้ำไว้เล็กน้อย พร้อมเตาปิ้งย่างใส่ถ่านเผาไหม้จนมอดหมดแล้ว และยังพบจดหมายเขียนด้วยลายมือผู้ตาย มีข้อความสั่งเสียยกทรัพย์สินให้กับบุตรชายทั้ง 2 คนจากการสอบสวนทราบว่า น.ส.ณัฐธยาน์ ผู้ตาย ในอดีตเคยแต่งงานกับนายตำรวจระดับผู้กำกับโรงพักแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรสาคร แต่หย่าร้างกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว มีบุตรชายด้วยกัน 2 คน ผู้ตายมีฐานะดี เป็นเจ้าของแพปลาในตลาดสะพานปลาสหกรณ์ประมงแม่กลอง ส่วนอาคารที่เกิดเหตุทำเป็นสำนักงานไม่ได้พักอาศัย ระยะหลังกิจการแพปลาประสบปัญหาค้าขายไม่ได้เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจ ทำให้ผู้ตายเกิดความเครียดคิดมากและคิดสั้นด้วยการรมควันฆ่าตัวตาย เบื้องต้นส่งศพให้แพทย์สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ผ่าพิสูจน์หาสาเหตุ และจะเรียกคนใกล้ชิดมาสอบถามเพื่อหาเหตุจูงใจที่แท้จริงในการฆ่าตัวตายนายจิรยศ รัตนพฤกษ์ อายุ 56 ปี สามีผู้ตาย ให้ข้อมูลกับตำรวจอ้างว่า แต่งงานอยู่กินกับ น.ส.ณัฐธยาน์มานานกว่า 8 ปีแล้ว ช่วงเช้าวันที่ 14 มี.ค. ยังนั่งกินข้าวเช้าด้วยกัน ประมาณบ่ายโมงเศษ ภรรยาขับรถยนต์ออกจากบ้านย่านหลักสี่ กรุงเทพฯ แต่ไม่ยอมบอกว่าไปไหน โทร.หาก็ไม่ยอมรับสาย ยอมรับว่าภรรยาเป็นคนอารมณ์ร้อน เคยมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง หากอึดอัดใจจะขับรถออกจากบ้านทุกครั้ง ส่วนเรื่องปัญหาหนี้สินแพปลาขาดทุนหรือไม่นั้นไม่แน่ใจ เพราะภรรยาไม่เคยบอก หลังจากติดต่อไม่ได้ตลอดทั้งคืน คาดว่าภรรยาน่าจะมาที่สำนักงานแห่งนี้เลยขับรถตามมาดู เมื่อมาถึงมองเข้าไปข้างในห้องกระจกเห็นแต่ปลายเท้า มั่นใจว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นแน่นอน รีบแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ