โอบอุ้มลุ่มน้ำไทย เป็นโครงการเพื่อความยั่งยืนด้านน้ำของกลุ่ม TCP ที่ต้องการพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และชุมชน มุ่งหวังให้ชุมชนได้มีแหล่งน้ำไว้ใช้ในการอุปโภค บริโภค และการเกษตรอย่างเพียงพอโดยมีจุดเริ่มต้นมาจากการเป็นองค์กรที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับน้ำ...และอย่างที่บอกครับ โมเดลของโครงการนี้ อยู่ที่ อ่างเก็บน้ำห้วยปะยาง บ้านแม่ขมิง อ.วังชิ้น จ.แพร่ แต่ก็มีพื้นที่อื่นๆอีก 6 จังหวัด สองลุ่มน้ำ คือ ลุ่มน้ำยม และลุ่มน้ำปราจีนบุรี ที่โครงการเข้าไปมีส่วนร่วมมีคนได้รับผลประโยชน์จากโครงการนี้มากกว่า 16,000 ครัวเรือน ที่ในยามน้ำแล้ง จะได้เห็นอานิสงส์ของการมีแหล่งน้ำของชุมชนไว้ใช้ อาบ ดื่ม กิน ทำการเกษตรแบบที่เดือดร้อนน้อยที่สุด12 ล้านลูกบาศก์เมตร คือเป้าหมายที่โครงการนี้จะทำให้มีน้ำเพิ่มขึ้น ภายใน 3 ปีของโครงการที่กำหนดไว้ คือ เริ่มในปี 2562 และสิ้นสุดโครงการในปี 2564ใช้เงินจากภาคเอกชนล้วนๆ ราว 100 ล้านบาท...!!! ดร.รอยล จิตรดอน กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในฐานะที่ปรึกษาและภาคีเครือข่ายที่สำคัญของโครงการนี้ บอกว่า การมีน้ำใช้ในฤดูที่แห้งแล้ง เหมือนกับสวรรค์บันดาล แต่แท้ที่จริงแล้ว คนนี่ละ...มีส่วนสำคัญที่สุด เราสร้างด้วยมือของเราเอง โดยใช้ภูมิปัญญาที่มี แก้ปัญหาไปตามสภาพพื้นที่ การจัดการน้ำไม่ได้มีสูตรสำเร็จเพียงสูตรเดียว ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำ พื้นที่ ปัญหาอุปสรรคต่างๆ แต่สำคัญที่สุด คือ จิตสำนึกของคนที่ต้องมองเห็นร่วมกันว่า น้ำ...เป็นปัญหาของทุกคนบนโลกใบนี้ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่จะทำให้การจัดการน้ำมีความยั่งยืนตรงตามหลักมังรายศาสตร์...ที่บอกไว้ชัดว่า การจัดการที่ยากกว่าการจัดการน้ำก็คือ “คน”ประเทศไทยมีปริมาณน้ำมาก ไม่ได้ขาดแคลนอย่างที่เข้าใจ แต่เราขาดการบริหารจัดการที่ดีพอ ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมสร้างความเดือดร้อนในฤดูฝน และขาดแคลนน้ำในฤดูแล้งปีนี้...หน่วยงานด้านน้ำทุกแห่งเห็นตรงกันว่า น้ำจะแล้งมากกว่าทุกปีคราวหน้ามาดูกันครับว่า ชาวบ้านเขามีวิธีการจัดการน้ำกันอย่างไร ด้วยปัญญาประดิษฐ์แบบง่ายๆ น่าสนุกครับ...!!!นายอรุณข่าวที่เกี่ยวข้อง :“มังรายศาสตร์” กับการโอบอุ้มลุ่มน้ำไทย (1)"มังรายศาสตร์" กับการโอบอุ้มลุ่มน้ำไทย (2)