เอ่ยถึง “ไม้หอมแก่นจันทน์” หลายคนคงนึกถึง “ต้นจันทน์” ที่นำเนื้อไม้มาทำดอกไม้จันทน์ ในงานศพ...จริงๆแล้วเป็นต้นไม้ต่างสายพันธุ์ไม้หอมแก่นจันทน์ (Sandalwood) หรือหอมอินเดีย เบียะกุดัน มีถิ่นกำเนิดในมาเลเซีย ออสเตรเลีย อินเดีย ปากีสถาน จีน เนปาล อินโดนีเซีย และติมอร์ เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศร้อนชื้น...อายุ 10 ปี เนื้อแก่นไม้จะมีกลิ่นหอม โดยไม่ต้องใช้สารเคมีกระตุ้นเหมือนอย่างต้นกฤษณา นำเนื้อไม้มาสกัดจะได้น้ำมันหอมมีกลิ่นคล้ายดอกกุหลาบ ในน้ำมันหอมยังมีสารแซลทารอล ฤทธิ์ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ป้องกันรังสียูวีบีธุรกิจสปาจึงนิยมนำน้ำมันหอมแก่นจันทน์มาใช้ผสมผลิตภัณฑ์ให้ความชุ่มชื้นต่อผิว แก้ปัญหาผิวแห้งแตกช่วยให้ผิวนุ่ม ลดการอักเสบ สมานผิว...ธุรกิจเครื่องหอม นำมาใช้เป็นส่วนผสมช่วยตรึงกลิ่นทำให้หอมติดทนนาน เลยทำให้เนื้อไม้ชนิดนี้มีราคาสูงถึงตันละ 300,000–400,000 บาทนายคงศักดิ์ มีแก้ว ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิจัยการจัดการป่าไม้ สำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ บอกว่า ไทยได้ร่วมกับประเทศอินโดนีเซีย ตกลงร่วมกันศึกษาวิจัยการปลูกไม้หอมแก่นจันทน์ ในสถานีวนวิจัย ประจวบคีรีขันธ์ มาตั้งแต่ปี 2538 และได้นำไปทดลองปลูกในพื้นที่จังหวัดเชียงราย นครราชสีมา กาญจนบุรี และสงขลา ปรากฏว่าสามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ดินร่วนปนทราย น้ำไม่ขัง อนาคตคาดว่าจะเป็นไม้เศรษฐกิจที่ช่วยสร้างรายได้ให้คนไทย...สนใจเข้าอบรม รับแจกกล้าฟรี ติดต่อได้ที่ 08-4659-5355 หรือ 0-3261-1806.