ด้วยเหตุที่ภารกิจหลักของ กทม. คือการดูแลประชาชนในกรุงเทพฯ เพราะฉะนั้น กทม.จึงตั้งศูนย์ร้องทุกข์ กทม.1555 ขึ้น เพื่อรับแจ้งปัญหาความเดือดร้อนและนำไปสู่การแก้ไข โดยปัจจุบัน สายด่วน กทม. 1555 มีคู่สาย 120 คู่สาย เจ้าหน้าที่ 65 คน คอยหมุนเวียนรับเรื่องจากประชาชนตลอด 24 ชม.ทั้งนี้ ในปี 2560 (ถึงพฤศจิกายน 2560) มีประชาชนร้องทุกข์ 66,357 เรื่อง กทม.แก้ไขแล้ว 63,899 เรื่อง อยู่ระหว่างแก้ไข 2,458 เรื่อง โดยมีเหตุเดือดร้อนรำคาญ อาทิ เรื่องเสียง กลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นเรื่องที่ถูกร้องเรียนมากที่สุด คือ 13,461 เรื่อง.....ส่วนรายละเอียดอื่นๆ เป็นอย่างไร “รายงานพิเศษ” จะไปคุยกับ เพ็ชร ภุมมา หัวหน้าศูนย์รับแจ้งทุกข์ 1555 กทม.ถาม-จากสถิติแต่ละปี ทำไมเรื่องเดือดร้อนรำคาญยังคงเป็นอันดับหนึ่งเพ็ชร-เหตุเดือดร้อนรำคาญ เช่น เรื่องเสียง สุนัข หนู ยุง นกพิราบ กลิ่น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย เพราะเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตประจำวัน และหลายเหตุการณ์เป็นเรื่องที่ไม่เข้าใจกันระหว่างเพื่อนบ้านด้วยกัน เช่น โทร.แจ้งว่าเดือดร้อนจากกลิ่นการต้มมาม่า หรือทำอาหารส่งกลิ่นของเพื่อนบ้านช่วงดึกๆ, สุนัขเห่าเสียงดังหรือขับถ่ายหน้าบ้าน ซึ่งเขตจะส่งเจ้าหน้าที่ไปไกล่เกลี่ย หรือหาวิธีแก้ไขเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ข้อยุติและอยู่ร่วมกันได้ถาม-แต่ละวัน 1555 รับเรื่องร้องทุกข์กี่เรื่องเพ็ชร–200–300 เรื่อง ซึ่งนับว่าที่น้อยลงจากก่อนหน้านี้ ที่มีการรับเรื่องประมาณวันละ 400–500 เรื่อง สาเหตุเพราะปัจจุบันมีช่องทางการร้องทุกข์เพิ่มมากขึ้น ทั้งไลน์แอดอัศวินคลายทุกข์, เพจเฟซบุ๊กผู้ว่าฯ กทม., ศูนย์ดำรงธรรม, สื่อโซเชียลอื่นๆ, การตั้งกระทู้ในพันทิปถาม-ปัญหาในการรับเรื่องร้องเรียนเพ็ชร-ผู้แจ้งให้รายละเอียดสถานที่ไม่ชัดเจน เนื่องจากไม่ใช่คนในพื้นที่, ไม่ให้หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับ, เป็นตัวแทนรับแจ้งปัญหาแทนผู้ประสบโดยตรงทำให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนไม่ชัดเจนถาม-มีการกำหนดกรอบเวลาในการแก้ไขปัญหาที่ประชาชนร้องทุกข์หรือไม่เพ็ชร-ภายหลังได้รับแจ้งจากประชาชนแล้ว จนท.จะนำข้อมูลเข้าสู่ระบบทันที เพื่อประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหา โดยแต่ละหน่วยงาน กทม.จะมีการเชื่อมโยงฐานข้อมูลร้องทุกข์กับศูนย์ฯ ซึ่งจะต้องเปิดดูฐานข้อมูลร้องเรียนว่ามีเรื่องใดที่หน่วยงานรับผิดชอบจะต้องลงพื้นที่แก้ไข วันละ 2 ครั้ง คือช่วงเช้า 09.00 น. แล้วช่วงบ่ายคือ 14.00 น. ส่วนระยะเวลาในการแก้ไขขึ้นอยู่กับเรื่องว่าสามารถแก้ไขได้ทันทีหรือไม่ แต่นโยบาย กทม.คือจะต้องพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด แม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในบางพื้นที่จะอยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่นๆก็ตาม กทม.จะไม่ปฏิเสธการช่วยเหลือ หรือเกี่ยงงานว่าไม่ใช่หน้าที่ของ กทม. แต่จะต้องบรรเทาทุกข์ให้ประชาชนในเบื้องต้น ก่อนประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงมาแก้ไขปัญหาต่อไป.
