เป็นสาวนักเดินทาง ปีนี้ กุลสิรี อรรถจินดา ก็จัดแล้ว 7 ทริป ซึ่งพักหลัง คุณไก่อู–กุลสิรี เลี่ยงการเที่ยวเมืองหรูๆ เพราะกำลังติดใจธรรมชาติ ภูเขา ต้นไม้ แม่น้ำ เมืองสุดโปรดที่จัดไว้ในลิสต์อันดับต้นคือ ญี่ปุ่น ซึ่งมีธรรมชาติสดดิบอีกมาก ล่าสุด คุณไก่อู จึงบุกไป โทโฮคุ หรือเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น โดยนั่งรถไฟเข้าไปในหุบเขาคุโรเบะ และเดินอีก 2.5 กิโล เพื่อไปดูบ่อน้ำพุร้อนที่ลำเลียงน้ำจากแหล่งกำเนิด ไปจังหวัดข้างเคียงทางท่อทองแดง พอไปถึงทุกคนก็ให้รางวัลตัวเอง โดยแช่เท้าในน้ำพุร้อนจากบ่อต้นกำเนิด--ส่วนน้ำที่สาวไทยแช่ ล้างเท้า จะส่งไปเมืองไหนบ้างก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าคลายปวดเมื่อยได้ดีมาก และดีตรงที่นักท่องเที่ยวน้อยเพราะเส้นทางลำบาก คนจึงถอดใจกันหมดไปที่นี่ คุณไก่อู ต้องไปทักทาย ลิงแก้มแดง ที่อุทยานจิโกกุดานิ เท็นโกเอ็น ซึ่งทางเดินเข้าอุทยานค่อนข้างลื่น หิมะจะตกมากหรือน้อย ก็เดินลำบาก เพราะทางเดินไม่กว้าง ต้องเดินเบี่ยงตัวไปมากับนักท่องเที่ยวที่เดินสวนกลับ จึงตื่นเต้นระวัง ไม่ให้ลื่นไถลตกไหล่เขาบางจุด แต่พอไปเห็นเจ้าจ๋อหลายร้อยตัววิ่งขวักไขว่ และลงไปแช่ออนเซ็นกันสบายใจ ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ก็หายเหนื่อยแล้ว การเทรลในญี่ปุ่นข้ามเมืองครั้งนี้ คุณไก่อู ต้องออกกำลังกายแขน ขา แกนกลางลำตัวล่วงหน้า 2 เดือน เพื่อให้ร่างกายบาลานซ์ตัวเองได้ดี ถ้าลื่นหรือล้ม จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ เพราะต้องเดิน 3 เมือง Magome-Tsumago-Nagiso เส้นทางโบราณ พอเดินเข้าป่า ก็เจอชาวเมืองอัธยาศัยดีใช้ชีวิตเรียบง่ายแต่สะดวกสบายกลางธรรมชาติ พอไปต่อ ก็เข้าสู่การเดินจริงจัง ที่ความสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไต่ไหล่เขาที่สลับซับซ้อน บางเส้นทางกว้างไม่ถึงเมตร เดินไม่ดีก็ร่วงได้ตลอด ระหว่างทางถ้าเจอกระดิ่ง ต้องตีให้เสียงดังลั่นสนั่นป่า เพราะเป็นสัญลักษณ์ว่า เป็นเส้นทางที่ เจ้าคุมะ (หมีป่า) ออกมาเพ่นพ่านประจำ ตอนเดินจึงระทึกตลอด ว่าจะพลาดตกเขา และต้องคิดแผนป้องกันตัวถ้า เจ้าคุมะ โผล่มาเผชิญหน้าจังๆ ว่าจะทำอะไรได้ จะวิ่ง หรือแกล้งนอนไม่กระดุก กระดิกเหมือนตาย เผื่อหมีจะได้ไม่สนใจ--วันเดียวของทริป คุณไก่อู เดินถึง 8 กิโลเมตร แต่ใช้เวลาตั้งแต่เช้าถึงเย็น เพราะแต่ละเมืองมี signature มีเสน่ห์ประทับใจให้ต้องแวะ และทำให้อยากไปหาเส้นทางใหม่ๆอีก--จึงจะส่งท้ายปีกันอีก 1 ทริป เป็นเหลนสายตรง พระยาจรูญราชโภคากร (คอซิมเต็ก ณ ระนอง) อดีตเจ้าเมืองหลังสวนคนแรก ในรัชกาลที่ 5 วรวิมล ณ ระนอง จึงได้รับเชิญจาก จีรศักดิ์ แสงหอย นายอำเภอหลังสวน ไปร่วมงาน ตักบาตรเทโว และพิธีเปิดงานประเพณี แห่พระ แข่งเรือขึ้นโขน ชิงธงหลังสวน ประจำปี 2568 ถ้วยพระราชทาน “พระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระพันปีหลวง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้าฯสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอฯ และพระองค์ที” คุณหญิง–วรวิมล จึงตอบรับทันที ปีที่แล้ว ก็ขับรถจากกรุงเทพฯไปเอง แต่ปีนี้น้องๆที่หลังสวน กลัวจะวูบระหว่างทาง เพราะอายุไม่น้อยแล้ว แต่จะนั่งเครื่องบินก็ไกลหลังสวนหลายร้อยกิโล สันติพงษ์ จูเจริญ อดีตช่างภาพนิตยสาร ซึ่งย้ายไปอยู่หลังสวน จึงแนะนำให้นั่งรถไฟจากกรุงเทพฯ เพราะจอดสถานีหลังสวนเลยเพราะต้องไปหลายคืน หลายงาน คุณหญิง จึงมีชุดนั่นชุดนี่ตามธีม จนเสื้อผ้าล้นกระเป๋าใบเล็ก จะใช้ใบใหญ่ก็ลากขึ้นรถไฟคนเดียวไม่ไหว จึงหอบเสื้อผ้าไปไปรษณีย์ ซื้อกล่องกระดาษใส่ แล้วส่งด่วนที่นั่น จ่าหน้ากล่องถึงโรงแรมที่พัก วันเดินทางก็ให้พี่สาวไปส่งที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ แล้วเดินตัวเบาขึ้นรถไฟ นั่งไป 7 ชม. โดยไม่เบื่อ แอร์ก็เย็นจนต้องคลุมหัวคลุมตัว ตลอดทางก็เพลินกับการกิน ที่พนักงานบริการอาหาร น้ำดื่ม กาแฟ มีก๋วยเตี๋ยวคลุก ราชบุรี หม้อแกง ข้าวตังหมูหยอง เพชรบุรี พอถึงหลังสวน น้องป๊อบ–สันติพงษ์ และภรรยา พราว ก็มารับไปส่งโรงแรม ซึ่งมีกล่องเสื้อผ้ารออยู่แล้ว จากนั้นก็สนุกทุกวัน ดูขบวนรถแห่ ใส่บาตร ปล่อยเรือแข่ง ล่องเรือแม่น้ำหลังสวนไปปากอ่าว แต่ระหว่างมีงาน มีนักท่องเที่ยวมาก รถติด คุณหญิง จึงเป็นสก๊อย เกาะวินให้พาไปครบทุกที่ ขากลับกรุงเทพฯ ไปรษณีย์ก็มีรายได้เพิ่ม เพราะนอกจากส่งลังเสื้อผ้า ยังมีลังงอกของฝาก กะปิ ทุเรียนกวน มังคุดกวน--และทำให้ คุณหญิง ได้วิธีเที่ยวแบบ สูงวัย ไปคนเดียว ก็ไม่ยาก เพราะไม่ต้องแบกกระเป๋า ใช้บริการไปรษณีย์ แสนจะสะดวก ไม่แพ้ Kuroneko Yamato แมวดำ ของญี่ปุ่นเลย.โสมชบา