“ใบขลู่” พืชสมุนไพรพื้นบ้านขึ้นตามพื้นที่น้ำกร่อย พบมากที่บริเวณพื้นที่ริมทะเลสาบสงขลา คนเก่าคนแก่ในพื้นที่สงขลานิยมนำใบขลู่มาต้มดื่มเพื่อดับกระหายและบำรุงร่างกาย “ใบขลู่” เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ และมีรสชาติหอมสดชื่น หลายคนมอง “ใบขลู่” เป็นเพียงวัชพืช ทำให้ถูกลืมหายไป ทั้งที่ผลการวิจัยพบว่า “ใบขลู่” มีสารสำคัญอย่าง “Quercetin” เป็นสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็งและช่วยลดน้ำตาลในเลือด ด้วยคุณประโยชน์ที่มีคุณค่าเกินกว่าวัชพืช จึงมีผู้คิดพัฒนาเพิ่มมูลค่ายกระดับให้ “ใบขลู่” กลายเป็นพืชเศรษฐกิจ สามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับชุมชุน “คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำ “KOS (คอส) คอมบูชาใบขลู่” เจ้าแรกและเจ้าเดียวในประเทศไทยของ “หนิง–ปาริชาด สอนสุภาพ” อายุ 52 ปี ผู้ยกระดับ “ใบขลู่” ให้เป็น “ชาคอมบูชาใบขลู่ระดับพรีเมียม” ผมเดินทางไปที่ “Song khla Station” (สงขลา สเตชั่น) คาเฟ่ในย่านเมืองเก่า อาคารหลังหัวมุมถนนยะหริ่ง จากเดิมเป็นร้านหมออัมพร เปลี่ยนโฉมเป็นคาเฟ่น่ารักน่านั่งพักผ่อนกายใจวันนี้ตั้งใจชิมรสชาติของ “ชาคอมบูชาใบขลู่” ผลิตภัณฑ์ OTOP 4 ดาวที่กวาดรางวัลมากมาย ทั้ง Premium Herbal Product Awards เครื่องดื่มสมุนไพรจากภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ผ่านการคิดค้นและพัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์ระดับประเทศ จากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข, รางวัล Premium MICE Brand by TCEB และได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 22 แบรนด์จากทั่วประเทศ โดยกระทรวงพาณิชย์ ให้ร่วมงาน Thaifex 2025 ในบูธสมุนไพร Smart Local Herb Pavilion ภายใต้แนวคิด Think Wellness, Think Thai Herb เรียกได้ว่าการันตีคุณภาพระดับประเทศ “หนิงอยากให้เริ่มชิมจากรสชาติออริจินัล แล้วค่อยไล่ระดับรสชาติขึ้นไปค่ะ” คุณหนิงยื่นกระป๋องชาคอมบูชา รสออริจินัลให้ผมลองเป็นรสชาติแรกผมรับกระป๋องชาที่ถูกแช่เย็น พร้อมเปิดกระป๋องแล้วยกขึ้นดื่มทันที รู้สึกสดชื่นมากๆ กลิ่นหอมของใบขลู่ทำให้ชาคอมบูชาดื่มง่าย มีความ ซ่านิดๆ รสหวานกำลังดี “รสชาติดี ดื่มแล้วอร่อยสดชื่นมากๆเลยครับ” ผมตอบกลับคุณหนิงหลังดื่มจนหมดกระป๋อง รสชาติต่อมาที่ท้าลองคือ “คอมบูชามะม่วงเบา” รสชาตินี้ดื่มแล้วรู้สึกตาลุกวาว ด้วยรสชาติความเปรี้ยวหวานปลุกความสดชื่นได้เป็นอย่างดี มะม่วงเบาเป็นผลไม้พื้นถิ่นของจังหวัดสงขลา คัดมะม่วงเบาสดๆ มาหมัก ก่อนจะนำมาผสมผสานเข้ากับคอมบูชาใบขลู่ ทำให้ได้กลิ่นหอมและรสชาติอร่อยเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกหนึ่งรสชาติน่าจดจำยกให้ “คอมบูชาจำปาดะ” นำเอกลักษณ์เด่นของราชินีผลไม้ปักษ์ใต้ที่คล้ายขนุน แต่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวและให้กลิ่นที่แรงกว่า มาหมักและปรุงรสเข้ากับคอมบูชาใบขลู่ สร้างสรรค์เป็นรสชาติแปลกใหม่ที่หอมหวานซ่า รับรองว่าดื่มง่ายละมุนลิ้น“ผมไม่แปลกใจเลยครับว่า ทำไมคอมบูชาใบขลู่ถึงได้รางวัลมากมายขนาดนี้ เพราะรู้จักใช้วัตถุดิบในพื้นถิ่นมายกระดับเป็นเครื่องดื่ม ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แถมยังดื่มง่ายกว่าที่ผมคิดเยอะเลย อย่างจำปาดะที่ผมไม่คุ้นชินกับกลิ่นและรสชาติเท่าไหร่ ยังรู้สึกว่าทานง่าย หอม หวาน ละมุนมากๆ” ผมบอกกับคุณหนิง คุณหนิงยิ้มรับด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ พร้อมบอกเล่าถึงความเป็นมาว่า “ที่ผ่านมาคอมบูชาที่พบตามท้องตลาดจะเป็นชาอู่หลง หรือชาเขียว นำมาหมักให้เป็นคอมบูชา แต่ยังไม่มีใครนำใบขลู่ มาทำ หนิงเห็นว่าใบขลู่เป็นพืชมหัศจรรย์ที่มีคุณค่าแต่ไม่มีมูลค่า จึงเข้าหาแนวร่วม โดยทำงานร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน ที่มุ่งการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน ในพื้นที่ตำบลหัวเขา อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนควนเนียงสวนลุงจิม ที่มีองค์ความรู้ด้านการผลิตชาหมัก เพื่อนำใบขลู่มาคั่วเป็นใบชา” “กรรมวิธีการผลิตหนิงใส่ใจในทุกขั้นตอน เริ่มต้นตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บชา โดยเก็บใบในช่วงรุ่งสางที่ใบขลู่มีกลิ่นหอมและคุณค่าทางสารอาหารมากที่สุด ใช้การคั่วแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน เสมือนเป็นการนวดใบชาด้วยมือบนกระทะ ใช้เวลาในการคั่วนาน 4 ชั่วโมง เพื่อให้ใบชามีคุณสมบัติพร้อมที่จะเอามาหมักได้” “ในการหมักชาใบขลู่รสชาติดั้งเดิมต้องใช้หัวเชื้อในการหมัก เติมน้ำตาลเพื่อให้จุลินทรีย์ได้เติบโตจากการกินน้ำตาลเป็นอาหารเพื่อสร้างโพรไบโอติก ใช้เวลาในการหมักนาน 7 วัน ตามหลักการสากลในการหมัก เมื่อได้เวลาที่เหมาะสมและรสชาติที่เหมาะสม จึงนำคอมบูชาไปบรรจุลงกระป๋องโดยไม่มีการปรุง ไม่มีการใส่สีใส่กลิ่นแต่อย่างใด ใช้วิธีการเพื่อให้ได้รสชาติตามธรรมชาติ”“การหมักรสชาติอื่นใช้กรรมวิธีแบบเดียวกันหรือเปล่าครับ” ผมถามด้วยความใคร่รู้คุณหนิงบอกว่า “ผลไม้ที่นำมาหมักต้องหมักแยกกันค่ะ มะม่วงเบาใช้มะม่วงสดมาหมักให้ได้ที่ จากนั้นจึงนำไปผสมกับคอมบูชาใบขลู่ โดยไม่มีการแต่งรสชาติ รสชาติที่ได้ ความเปรี้ยวหวานจะมาจากธรรมชาติ 100% เช่นเดียวกับจำปาดะ รสจำปาดะจะต้องนำเอาผลไม้มาหมักแยกต่างหาก จากนั้นเมื่อหมักได้ที่ค่อยนำมาผสมคอมบูชาใบขลู่ที่หมักสำเร็จแล้ว ได้สัมผัสกลิ่นและรสชาติตามธรรมชาติ 100% เช่นกัน” “ตอนนี้ KOS เข้าสู่ปีที่ 3 แล้ว แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่ทำให้เกิดธุรกิจขึ้นจริงๆ เริ่มต้นจากการท่องเที่ยวชุมชนมองเห็นความสำคัญของใบขลู่จากริมทะเลสาบสงขลา ด้วยแหล่งน้ำในบริเวณดังกล่าวเป็นแหล่งรวม 3 น้ำ คือ น้ำเค็ม น้ำจืด และน้ำกร่อย ทำให้ใบขลู่ มีคุณภาพดีกว่าใบขลู่จากแหล่งอื่น เกิดความต้องการที่จะเพิ่มมูลค่าใบขลู่ จากนั้นจึงต่อยอดให้ใบขลู่กลายเป็นเครื่องดื่มคอมบูชาที่ยังไม่มีใครทำ”“คอมบูชาใบขลู่ โดดเด่นทั้งในเรื่องความแปลกใหม่ บวกกับรสชาติดี นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยเหลือพัฒนาชุมชน สร้างอาชีพให้ชาวบ้านได้คั่วชาด้วยมือ ถือเป็นการสร้างรายได้ให้ชาวบ้านในชุมชน ซึ่งเดิมทีเป็นชาวประมง แต่ทุกวันนี้ก็หันมาคั่วชา มีทั้งผู้สูงอายุ ผู้หญิงในชุมชนได้ฝึกการคั่วชา ได้เรียนรู้ขั้นตอนว่า ต้องผ่านกระบวนการกรรมวิธีในการคั่วอย่างไร เพื่อให้ชาพร้อมนำมาหมัก”“การผลิต KOS คอมบูชาใบขลู่ ได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. และมาตรฐานการผลิต GMP มีโรงงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน สามารถผลิตสินค้าได้สูงสุดเดือนละ 30,000 กระป๋อง จำหน่ายผ่านร้านกาแฟพันธุ์ไทย มี 1,200 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีจำหน่ายที่ร้านภูฟ้า และร้านมูลนิธิชัยพัฒนา รพ.จุฬาฯ อยากให้ทุกคนได้ลองชิมคอมบูชาใบขลู่ สมุนไพรขึ้นชื่อของชาวสงขลานะคะ” คุณหนิงกล่าวเชิญชวน สนนราคา KOS คอมบูชารสออริจินัล ขนาด 250 ML กระป๋องละ 75 บาท, KOS คอมบูชารสมะม่วงเบา ขนาด 250 ML กระป๋องละ 75 บาท และ KOS คอมบูชารสจำปาดะ ขนาด 230 ML กระป๋องละ 75 บาท สามารถหาซื้อได้ที่ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย มี 1,200 สาขาทั่วประเทศ, ร้านภูฟ้า สาขาจามจุรี สแควร์, สาขา รพ.รามาฯ, สาขาสยามดิสคัฟเวอรี่, สาขาพาราไดซ์ พาร์ค และร้านมูลนิธิชัยพัฒนา รพ.จุฬาฯ หรือสั่งสินค้าได้ที่ Songkhla Station โทรศัพท์ 09-3545-9978.คุณชายแป๊ะคลิกอ่านคอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” เพิ่มเติม