ในสมัยพุทธกาลนั้น “พระมหากัจจายนะ” เป็นพระอัครสาวกที่ได้รับการยกย่องจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าเป็นเลิศในทางอธิบายความพุทธภาษิต หรือการเทศนาขยายความธรรมะให้เข้าใจง่าย...ท่านมีสติปัญญาเฉียบแหลม เป็นที่รักใคร่ของคนทั้งหลายแต่สิ่งที่ทำให้ท่านต้อง “แปลงกาย” กลับเป็น “ความหล่อเหลา” จนเกินเหตุตำนานเล่าว่า พระมหากัจจายนะมีผิวพรรณดุจทองคำและรูปงามยิ่งนัก จนบางครั้งผู้คนเข้าใจผิดว่าท่านคือองค์พระพุทธเจ้า หรือด้วยความงามนั้นเอง...เป็นเหตุให้สตรีเพศบางคนเกิดความกำหนัดในตัวท่าน นำมาซึ่งความวุ่นวายและโลกธรรมที่ยากจะสงบ ด้วยความรู้สึกผิดว่ารูปลักษณ์ของตนเองเป็นต้นเหตุแห่งความไม่สงบ ท่านจึงได้อธิษฐานจิตให้รูปร่างเปลี่ยนไปกลายเป็นชายร่างเตี้ย อ้วนท้วน พุงพลุ้ย ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส...นี่เองคือที่มาของ “พระสังกัจจายน์” ที่เราเห็นในปัจจุบัน การแปลงรูปนี้จึงไม่ใช่เรื่องของการเสื่อมถอย แต่เป็นการสละความยึดมั่นถือมั่นในรูปกายภายนอก เพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้หลุดพ้นอย่างแท้จริงสะท้อน “ความงาม” นั้นเป็นดาบสองคม ...เป็นทั้งพรและคำสาป ดังเรื่องเล่าขานของพระมหากัจจายนเถระหรือที่พวกเราชาวพุทธคุ้นเคยกันในนาม “พระสังกัจจายน์” พระอรหันต์ผู้มีรูปลักษณ์อุดมสมบูรณ์ พุงพลุ้ย ยิ้มแย้ม...สัญลักษณ์แห่งความสุข โชคลาภ และความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนจำนวนไม่น้อยมีความเชื่อศรัทธาต่อ “พระสังกัจจายน์” ว่าเป็นพระแห่งความสมบูรณ์พูนสุข โชคลาภ ทรัพย์สินเงินทอง เมตตามหานิยม อีกทั้งปัญญาและความเฉลียว ฉลาดในเชิงธรรมด้วยว่ารูปปั้นท่านยิ้มพราย ท้องป่อง มือวางบนพุง เหมือนกับสื่อว่า...“ความสุขที่แท้ เราบ่มเพาะได้จากภายใน”ในคาถาบูชาพระสังกัจจายน์ที่คนไทยสวดกันสิ่งที่ขอไม่ใช่เพียงโชคลาภแต่สื่อสะท้อนความหมายถึง...ปัญญา โชคดี ความสมบูรณ์แห่งชีวิตทั้งทางโลกและทางธรรม หลากหลายประสบการณ์บอกเล่าให้ฟังว่า เมื่อตั้งใจบูชาพระสังกัจจายน์ด้วยใจบริสุทธิ์...มีวาสนาจักเห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่อง...การงาน การเงิน โชคลาภแต่หากปรารถนาเพียง “เงิน” อย่างเดียวศรัทธาก็กลายเป็นเพียงเครื่องมือของความอยาก มิใช่บันไดสู่ปัญญาเพราะแท้จริงแล้วพระสังกัจจายน์สอนให้เรา “ยิ้มรับโลก”...สอนให้รู้ว่า “บุญ ความดี ปัญญา” นำความอุดมสมบูรณ์ที่ยั่งยืนกว่าโชคลาภภายนอก วิถีแห่งการบูชาผู้ศรัทธามักบูชา “พระสังกัจจายน์” ด้วยดอกไม้หอม น้ำสะอาด ผลไม้มีรสหวาน ข้าวสุกใหม่ สำคัญที่สุดคือ... จิตที่ยิ้มได้แม้ในวันที่เหนื่อยล้า เพราะพระสังกัจจายน์คือสัญลักษณ์แห่งคนรู้แจ้งที่หัวเราะได้เหนือทุกปรากฏการณ์ของโลกเชื่อไม่เชื่อ โปรดอย่าได้ลบหลู่...ศรัทธาไม่ใช่เรื่องเหนือเหตุผล หากเป็นเรื่องของหัวใจแม้บางคนจะมองเพียงรูปอ้วนกลม แต่ผู้ที่เข้าใจจะเห็นว่าในรอยยิ้มนั้นบรรจุปัญญาล้ำลึกกว่าเขาพระสุเมรุพระสังกัจจายน์เตือนเราเสมอว่า “ความสุขและโชคลาภ เกิดจากความดีที่เราสร้าง มากกว่าที่เราขอ”“สังฆัจฉายะ มะหาเถโร โสตถิ ภะวันตุเม สัพพะลาภัง ภะวันตุเม สัพพะสุขัง ภะวันตุเม สัพพะพุทธานุภาเวนะ สัพพะธัมมานุภาเวนะ สัพพะสังฆานุภาเวนะ สัพพะเทวานุภาเวนะ โสตถิ ภะวันตุเม”คาถาบูชาพระสังกัจจายน์ เป็นคาถาที่หลายคนใช้สวดภาวนาขอพร แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการเจริญ ศรัทธาในปัญญาแห่งพระอรหันต์ ผู้ละวางความงามและยศศักดิ์เพื่อรักษาพระศาสนาความหมายแห่งบทสวดข้างต้นนี้ไม่ได้ขอเพียงเงินทองหรือโชคลาภ หากแต่ขอให้ความดี คุ้มครอง...โชคลาภ อุปถัมภ์...สุขภาพใจมั่นคง...ชีวิตราบรื่น โดยอานุภาพแห่ง“พุทธ” “ธรรม” “สงฆ์” “เทวดา”...คือ ศรัทธาควบคู่ปัญญา มีเมตตา และรู้จักแบ่งปัน วิธีสวดให้เกิดมงคล ให้ตั้งจิตสงบ...จุดธูป 5 ดอก หรือ 1 ดอกก็ได้ (เจตนาสำคัญกว่า) ตั้งจิตขอพรด้วยความเมตตา ไม่โลภ...ก่อนสวด อธิษฐานว่า “ขอให้ปัญญา กล้าหาญ ทำความดี สุจริต ซื่อสัตย์ ให้สำเร็จด้วยบุญและปัญญา มิใช่ด้วยความโลภ” หลังสวดทำใจยิ้มเหมือนองค์ท่านปล่อยวาง...แต่ไม่ปล่อยมือข้อเตือนใจแห่งศรัทธา “พระสังกัจจายน์” คือสัญลักษณ์ว่าความสุขที่แท้มาจากใจที่สว่างและเมตตา การสวดคาถานี้จึงไม่ใช่เพื่อหวังรวยอย่างเดียว แต่เพื่อ “ตั้งมั่นในความดีและทำให้ชีวิตมั่งคั่งทั้งใจและกาย”...ได้ปัญญาก่อน ได้โชคทีหลัง มงคลแท้ยั่งยืนที่สุด “พระกัจจายนะ” เป็นพระอัครสาวก องค์ที่ชาวพุทธเถรวาทสร้างรูปเคารพเอาไว้... มากกว่าพระสาวกรุ่นเดียวกันและเป็นหนึ่งใน 18 อรหันต์ ที่มีคนไปกราบไหว้ขอลาภผลของชาวพุทธมหายาน“พระสังกัจจายน์”...คนสมัยก่อนมีความเชื่อศรัทธากันว่าหากได้ลูบหน้าท้องของพระสังกัจจายน์จะทำให้ได้บุตร ดังนั้นจึงเดินทางไปยังสถานที่ วัด ศาลเจ้า ที่ประดิษฐานรูปเคารพพระสังกัจจายน์...เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขสมหวังผู้เลื่อมใสศรัทธากราบไหว้เพื่อให้เกิดสิริมงคลกับตัว“ศรัทธา”...นำมาซึ่งปาฏิหาริย์? เชื่อไม่เชื่อโปรดอย่าได้...“ลบหลู่”.รัก–ยมคลิกอ่านคอลัมน์ “เหนือฟ้าใต้บาดาล” เพิ่มเติม