ตั้งแต่ ๒๔ ต.ค.๒๕๖๘ วันประวัติศาสตร์ของประเทศไทย ที่ สมเด็จพระพันปีหลวง เสด็จสวรรคต สนามพระทุกแห่งก็พร้อมเพรียงถวายความอาลัยไว้ทุกข์ เพราะเซียนพระและนักนิยมพระส่วนใหญ่ รวมทั้งข้าพเจ้า ต่างได้เห็นการทรงงานมากมาย ที่ทำให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น--ขอให้พระองค์ทรงสถิต ณ สวรรคาลัย พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานคู่ วัดใหม่อมตรส ของ ฐิการ ศุภวิรัชบัญชา.สำหรับสนามพระของท่านผู้ชมวันนี้ องค์แรกคือ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานคู่ กรุเก่า วัดใหม่อมตรส กรุงเทพฯ ที่มีการลักลอบหย่อนไม้ยาวๆแบบคันเบ็ด ที่ตรงปลายติดข้าว เหนียวหรือแป้งเหนียวๆ ลงไปในโพรงที่เจาะไว้ แกว่งๆไปมา เพื่อให้พระติดก้อนเหนียวขึ้นมา เรียกว่า ตกกรุ ก่อนวัดเปิดกรุ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๐--วงการเรียก พระกรุเก่า หรือบางคนเรียกขำๆว่า กรุขโมย ซึ่งสมัยนั้น ภูมิปัญญาการตกกรุแบบนี้ถือว่าล้ำเลิศแร้ว กรุเก่าองค์นี้สมบูรณ์ พิมพ์ คมชัด คราบกรุบางๆ เนื้อพระแห้ง แกร่ง อุดมด้วยมวลสารแบบ “เนื้อจัด” ด้านหลังเรียบ ไม่มีรอยปั๊มตรายาง “หมึกม่วง” แต่มีการลงรักปิดทองไว้ จึงเชื่อว่าเป็นองค์พระ “นำฤกษ์” ที่สมเด็จฯกดพิมพ์ในพิธี พระมีริ้วรอยถูกลอกออกในส่วนนอกพิมพ์องค์พระ เหลือเป็นหลักฐานบอกอายุในส่วนองค์พระกับฐานด้วยฝีมือช่างชั้นครู จึงงดงามจับตาจับใจ สมราคาหลักล้านกลางๆที่ เสี่ยกบ kerry–ฐิการ ศุภวิรัชบัญชา ที่มีแฟนคลับสนามนี้ถามหาทันทีถ้าหายไป พระผงสุพรรณ หน้ากลาง กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ของก้อง พระสมเด็จ.องค์ที่สองจาก เสี่ยก้อง พระสมเด็จ เป็น พระผงสุพรรณ พิมพ์หน้ากลาง สมบูรณ์พองาม มีริ้วรอยสัมผัสใช้ผิวเนื้อจึงลบเลือน ส่วนเนื้อนูนเปิดเห็นเนื้อในที่อัดแน่นด้วยมวลสารว่านยาเกสรดอกไม้ กรุนี้ก็ถูกฉกมาก่อน ทางการจึง แกรนด์ โอเพนนิง ในปี พ.ศ.๒๔๕๖ นำเครื่องทองของมีค่า พระพุทธรูป หลายยุคสมัย ใบลานทอง และพระพิมพ์มากมายหลายแบบขึ้นมาเก็บรักษา พระส่วนใหญ่เป็น เนื้อชิน เช่น พระกำแพงศอก กำแพงคืบ กำแพงนิ้ว พระมเหศวร พระหลังผาล พระปทุมมาศ พระยอดโถ ฯลฯ--และพระพิมพ์เนื้อดินผสมมวลสาร รูปทรงสามเหลี่ยมยอดตัด ด้านหน้าเป็นพิมพ์องค์พระนั่งปางมารวิชัย พุทธศิลป์สมัยอู่ทอง ด้านหลังมีรอยกดลายนิ้วมือแรกพบนิยมเรียกเป็น “พระเกสรสุพรรณ” พระส่วนหนึ่งนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ร.๖ ตอนเสด็จ ประพาสเมืองสุพรรณฯ และพระราชทานให้ข้าราชบริพาร ซึ่งพบอานุภาพ คุ้มครองป้องกันภัย แคล้วคลาดคงกระพัน เมตตามหานิยม เลื่องลือจนถูกจัดเข้าชุดเบญจภาคี และเปลี่ยนเรียกเป็น “พระผงสุพรรณ”-องค์นี้เป็นพระเนื้อน้ำตาลมาตรฐาน เป็นพระพิมพ์รอง แต่ แท้ ดูง่าย และราคาสบายๆ พระร่วงนั่งหลังลิ่ม กรุวัดช้างล้อม ของปรีดา คูวิบูลย์ศิลป์.ตามมาด้วยพระกรุ พระเก่าสกุลพระร่วงนั่ง พุทธศิลป์สุโขทัย พระร่วงนั่งหลังลิ่ม เนื้อชินเงิน กรุวัดช้างล้อม จ.สุโขทัย ของ เสี่ยปรีดา คูวิบูลย์ศิลป์--พระสภาพงามสมบูรณ์ ร่องแขนทะลุ เป็นเอกลักษณ์ พระนั่งปางมารวิชัย เทหล่อลอยองค์แบบครึ่งซีก ด้านหลังเป็นรอยร่องสี่เหลี่ยมลึก ตามนาม “พระร่วงนั่งหลังลิ่ม” มีประสบการณ์เลื่องลือด้านคุ้มครองป้องกัน แคล้วคลาด คงกระพันและหนุนนำวาสนาบารมี ข้าราชการ นักการเมือง จึงนิยมบูชาต่อไปเป็น พระปรกใบมะขาม เนื้อทองคำ เจ้าคุณสนิทสมณคุณ (เงิน) วัดโมลีโลกยาราม (ท้ายตลาด) กรุงเทพฯ ของคอลเลกเตอร์ระดับ “เจ้ากรม” เสี่ยอิทธิ ชวลิตธำรง หลวงพ่อเงิน เกิดที่พระตะบอง กัมพูชา สมัยยัง ญาติดีกับไทย พออายุ ๘ ขวบ มาอยู่วัดอรุณฯ โดยบรรพชาเรียนปริยัติ ธรรม สอบได้เปรียญธรรม ๒ ประโยค แต่ตกประโยค ๓ ท่านจึง โกโฮม ไปเรียนวิชาอาคม และอุปสมบทแล้วธุดงค์เข้ามาประเทศ ไทยอีก พร้อม หลวงพ่อคง แต่แยกไปจำพรรษาอยู่วัดชำป่างาม ฉะเชิงเทรา ส่วน หลวงพ่อเงิน ไปอยู่วัดท้ายตลาด ใช้วิชาพุทธาคมช่วยชาวบ้านจนมีชื่อเสียง พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสในฐานา “พระสนิทสมณคุณ” อยู่ถึงมรณภาพ เมื่ออายุ ๖๘ ปี พรรษา ๔๗ วัตถุมงคลที่ท่านสร้างที่นิยมมากเป็น ตะกรุดชุด กับ พระปรกใบมะขาม เนื้อทองคำ เงิน ทองแดง ซึ่งเป็นอันดับ ๑ ใน ๕ พระปรกใบมะขาม ตามด้วยของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขาม เฒ่า หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ วัดอนงค์ และวัดกัลยาฯ พระปรกใบมะขาม เนื้อทองคำ เจ้าคุณสนิทฯ วัดท้ายตลาด ของอิทธิ ชวลิตธำรง.พระปรกใบมะขาม เนื้อทองคำ หายากสุดๆ องค์นี้สวยเดิมๆ ระดับแชมป์ รอยจารอักขระลายมือด้านหลังคมสมบูรณ์แบบ ส่องดู เรียนรู้เป็นพระแท้ “องค์ครู” ได้-ราคาหลักล้าน เป็นทองคำที่แพงสุดในโลก พระปิดตา สะดือใหญ่ หลังยันต์ หลวงปู่เฮี้ยง วัดป่าฯ ของสฤษดิ์โชค จึงจรัสทรัพย์.องค์ที่ ๕ เป็น พระปิดตา พิมพ์สะดือใหญ่ หลังยันต์อุณาโลม เจ้าคุณวรพรตปัญญาจารย์ (หลวงปู่เฮี้ยง) วัดป่าอรัญญิกาวาส ชลบุรี พระเถระผู้ได้รับผงพุทธคุณ ๙ แท่ง ของ หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ จากศิษย์มา ผสมสร้างเป็น พระพิมพ์ปิดตา เนื้อผงคลุกรัก นี้ ออกให้บูชานำรายได้ สร้างอาคาร ร.ร.พระปริยัติธรรมหลังแรกของวัด ในปี พ.ศ.๒๕๐๐ปัจจุบันเป็น พระปิดตาเบอร์ต้นๆ ที่นิยมใช้แทน พระปิดตาหลวงพ่อแก้ว องค์นี้ เป็นพิมพ์นิยมสุดหายากมาก เพราะมีสร้างไว้ ๓๐๐ องค์ สภาพงามสมบูรณ์ไร้รอยสัมผัสใช้แบบนี้ราคาขึ้นหลักแสนแล้ว เจ้าของคือ เสี่ยสฤษดิ์โชค จึงจรัสทรัพย์ พระสิวลีกางร่ม หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ของเอ๋ เดิมบาง.สุดท้ายดู พระพิมพ์สิวลีกางร่ม เนื้อดินผสมผงน้ำมัน หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ชัยนาท พระอมตะเกจิฯ ยุคปีกึ่งพุทธกาลของเมืองชัยนาท ผู้สร้างพระเครื่อง ของขลัง ที่มีการันตีว่า “ของกูแรง” ท่านสร้างพระพิมพ์นี้ให้มีอานุภาพด้านเมตตา โชคลาภ ด้วยพิมพ์พระแห่งโชคลาภ และร่มเย็นเป็นสุข มีองค์พระแม่ธรณีคุ้มครอง--เป็นพระพิมพ์หายาก โดยเฉพาะสภาพงามสมบูรณ์เดิมๆแบบนี้ ของ เสี่ยเอ๋ เดิมบาง ยิ่งมีจารอักขระ นะ ชา ลี ติ ด้านหลังยิ่งหายาก และแพงถึงหลักหมื่นปลายๆ บอกลาด้วยเรื่องปิดท้าย ในร้านค้าหน้าหมู่บ้านใหญ่ พุทธมณฑล สาย ๕ ซึ่ง เสี่ยปึง เจ้าของร้าน เปิดมุมให้พรรคพวกเอาพระมาโชว์ แลกเปลี่ยนซื้อขาย คืนลอย กระทง ขาประจำก็ไปกันมาก รวมทั้ง เสี่ยไม้ ที่นำ พระนางพญา ออกมาโชว์อวดว่ามีอานุภาพเมตตาค้าขายเป็นเยี่ยม ยิ่งองค์งามๆแบบนี้หายากกว่างมเข็ม เสียดายที่ได้มาเป็นพิมพ์เล็กถ้าเป็น พิมพ์ใหญ่ ราคาเป็นล้าน คุยแล้วก็เสนอขาย เสี่ยปึง แต่รับมาดูแล้วก็ส่งคืน บอกมี นางพญา พิมพ์ใหญ่ ใช้อยู่แล้วดีจริง เพราะได้โชคลาภตลอด เสี่ยไม้ จึงถามว่า เฮียมีพระดีไม่เห็นเคยให้ผมดูเลย เสี่ยปึง ยิ้มแป้นบอกว่า ลื้อก็เห็นทุกวัน แล้วก็ชี้ไปทางเมีย โดยบอกสรรพคุณว่า เป็น นางพญา พิมพ์ใหญ่ เพราะอ้วนไปนิด สวยน้อยหน่อย ได้มา ๒๐ ปีแล้วก็ทำให้ฐานะดี มีเงินมีทองเหมือนพระนางพญา เพราะนางพญาพิมพ์อ้วนองค์นี้ขยัน ค้าขายเก่ง และไม่มีพิษภัย เสียทีจู้จี้ขี้หึง เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.สีกาอ่างคลิกอ่านคอลัมน์ "สนามพระ" เพิ่มเติม