ติดอันดับท็อปไฟว์ของจุดหมายปลายทางในฝันของคนทั้งโลก ก็เพราะเกาะในฝันกลางมหาสมุทรอินเดียอย่าง “มัลดีฟส์” มีครบทุกสิ่งของความเป็นเกาะสวรรค์!! ทั้งรีสอร์ตหรูบนเกาะกลางทะเลที่ให้ความเป็นส่วนตัวสูง, น้ำทะเลสีเทอร์คอยส์ที่ใสจนมองเห็นพื้นทรายและปะการังชัดเจน, บรรยากาศโรแมนติกเหมาะกับคู่รักฮันนีมูน, ประสบการณ์อาหารและสปาระดับโลก ที่สำคัญมัลดีฟส์ยังเป็นแหล่งดำน้ำชมฉลามวาฬ, เต่าทะเล และปลากระเบนยักษ์ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก มีคำถามโลกแตกว่า “มัลดีฟส์” เป็นเกาะเล็กเกาะน้อยที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศอะไร อันที่จริงแล้วมัลดีฟส์ก็คือ “ประเทศมัลดีฟส์” หรือมีชื่อเต็มๆว่า “สาธารณรัฐมัลดีฟส์” ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอินเดีย และประเทศศรีลังกา มีพื้นที่ประกอบด้วยหมู่เกาะปะการังราว 1,190 เกาะ จัดเป็น 26 อะตอล (หมู่เกาะเล็กๆที่จับกลุ่มกันอยู่เป็นรูปวงแหวน) และมีพื้นที่บนบกรวมเพียง 298 ตารางกิโลเมตร โดยมีประชากรอาศัยอยู่แค่ 200 เกาะ ซึ่งในจำนวนนี้ได้รับการพัฒนาเป็นโรงแรมและรีสอร์ตหรูราว 74 เกาะ นอกจากจะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในเอเชีย และเล็กเป็นอันดับ 9 ของโลก โดยมีประชากรอาศัยอยู่เพียง 601,269 คน มัลดีฟส์ยังมีความสูงจากระดับน้ำทะเลที่เตี้ยที่สุดเพียง 1.5 เมตร และจุดที่สูงที่สุดวัดได้แค่ 2.4 เมตร แต่ครอบคลุมทะเลกว้างกว่า 90,000 ตารางกิโลเมตร ทำให้กลายเป็นประเทศที่แบนที่สุดในโลก แนวปะการังรอบเกาะต่างๆของมัลดีฟส์ คือหัวใจของระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อย่างไรก็ดี ความท้าทายของมัลดีฟส์ก็คือ การเผชิญความเสี่ยงจากระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น, การกัดเซาะชายฝั่ง และการขาดแคลนน้ำจืด รัฐบาลจึงมุ่งสู่แนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านพลังงาน, การอนุรักษ์ และการปรับตัวกับสภาพอากาศ โดยมีการพัฒนาอย่างยั่งยืนควบคู่กับการอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ และการฟื้นฟูแนวปะการัง มัลดีฟส์ไม่เพียงเป็นเกาะสวรรค์ แต่ยังเป็นภาพสะท้อนของการอยู่ร่วมกับทะเลและการเปลี่ยนแปลงของโลกอย่างกลมกลืน “มัลดีฟส์” เริ่มมีผู้คนอาศัยตั้งแต่ราวศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสต์ศักราช โดยมีรากจากชาวศรีลังกาและอินเดีย เดิมนับถือพุทธศาสนา ก่อนจะรับอิสลามเข้ามาในคริสต์ศตวรรษที่ 12 และสถาปนาอาณาจักรสุลต่านขึ้นอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1153 ประเทศมัลดีฟส์เคยอยู่ภายใต้อิทธิพลของโปรตุเกสและอังกฤษ ก่อนประกาศเอกราชเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ.1965 การท่องเที่ยวคือเครื่องจักรหลักของเศรษฐกิจมัลดีฟส์ คิดเป็น 28% ของ GDP และมากกว่า 60% ของรายได้จากต่างประเทศ ในปี 2024 มัลดีฟส์มีนักท่องเที่ยวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามา 2.05 ล้านคน และปัจจุบันมีรีสอร์ตกว่า 150 แห่งกระจายอยู่ทั่วหมู่เกาะ การเดินทางไปเที่ยวมัลดีฟส์สะดวกสุดๆ เมื่อใช้บริการ “สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส” บินตรงจากสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ไปลงที่สนามบินนานาชาติเวลานา กรุงมาเล่ เมืองหลวงของมัลดีฟส์ ด้วยเครื่องบินแอร์บัส A 319 ใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงนิดๆ เปิดบริการ 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ คือ วันจันทร์, พุธ, ศุกร์, อาทิตย์ ทั้งขาไปและขากลับ มีให้เลือกทั้งชั้นธุรกิจ (Blue Ribbon Class) และชั้นประหยัด บินกับ “บางกอกแอร์เวย์ส” สบายใจหายห่วง เพราะเขาให้บริการแบบฟูลเซอร์วิส โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ชั้นประหยัดน้ำหนักสัมภาระโหลดฟรี 20 กิโลกรัม แถมใช้บริการห้องรับรองผู้โดยสาร “Boutique Lounge” ได้ฟรี พร้อมรับบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบินที่อร่อยแบบจริงใจ ส่วนชั้นธุรกิจก็ให้บริการเหนือระดับจริงๆ ตั้งแต่เหยียบถึงสนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมบริการห้องรับรองผู้โดยสาร “Blue Ribbon Club Lounge” ที่อิ่มอร่อยแบบละลานตาตั้งแต่ก่อนเดินทาง แต่ที่เด็ดยิ่งกว่าคืออาหารและเครื่องดื่มบนเที่ยวบิน ที่คัดสรรมาแบบพรีเมียมจริงๆ ขอให้คะแนนเต็มสิบไม่มีหักสำหรับบริการแสนอบอุ่นและเป็นมิตรของลูกเรือบางกอกแอร์เวย์ส อย่าลืมทานคุกกี้อุ่นๆกับชาข้าวออร์แกนิกหอมๆที่เสิร์ฟพร้อมรอยยิ้มฮีลใจ ส่วนการเดินทางจากกรุงมาเล่ไปยังเกาะต่างๆของมัลดีฟส์จะมีทั้งแบบเรือเร็วสปีดโบ้ต หรือเลือกใช้บริการ Seaplane และสายการบินภายในประเทศ ถามว่าเที่ยวช่วงไหนสวยสุด อันที่จริงสามารถเที่ยวได้ทั้งปี ถ้าอยากไปแบบอากาศปลอดโปร่งก็ต้องช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน แต่บอกเลยว่าน้ำใสสุดๆต้องเดือนมีนาคมและเมษายน เพราะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านลมมรสุม ในบรรดารีสอร์ตกว่า 150 แห่งที่กระจายอยู่ทั่วหมู่เกาะ “ดุสิตดีทู เฟย์ดู มัลดีฟส์” (dusitD2 Feydhoo Maldives) ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะส่วนตัว “เฟย์ดู ฟิโนลูห์” ในอะตอลมาเล่เหนือ คือรีสอร์ตใหม่ล่าสุดที่มีความโดดเด่นคุ้มค่ามาก เพิ่งเปิดให้บริการไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นอกจากจะเดินทางสะดวกสุดๆ เพราะตั้งอยู่ในทำเลที่ดี ใช้เวลานั่งสปีดโบ้ตเพียง 7 นาที จากสนามบินนานาชาติเวลานา ที่นี่ยังเป็นรีสอร์ตแห่งแรกของกลุ่มดุสิตธานี ที่นำเสนอคอนเซปต์ “All–Inclusive” จ่ายครั้งเดียวได้ครบทุกประสบการณ์การพักผ่อน ตั้งแต่บริการสปีดโบ้ตรับส่ง, ที่พัก, อุปกรณ์ดำน้ำตื้น ที่สำคัญคือบริการไม่จำกัดตลอดวัน ทั้งอาหาร, เครื่องดื่ม, แอลกอฮอล์ และมินิบาร์ในวิลล่า แอบกระซิบว่าน้ำหนักขึ้นหลายกิโล เพราะอาหารที่นี่อร่อยมาก ฟินสุดๆตรงที่สามารถเลือกทานได้ไม่จำกัดจากห้องอาหารและบาร์รวม 5 แห่ง ทั้ง “บาราเวลี” (Baraveli) ห้องอาหารนานาชาติริมชายหาด เปิดให้บริการทั้งวัน, “ซอย” (SOI) ห้องอาหารไทยริมทะเล เชฟเสิร์ฟความอร่อยตำรับไทยและอีสานแท้ๆ พร้อมคราฟต์เบียร์และค็อกเทลซิกเนเจอร์, “มิดิ” (MIDI) ห้องอาหารเมดิเตอร์เรเนียน ชวนชมพระอาทิตย์ตกดินท่ามกลางบรรยากาศของคลับริมชายหาดและสกายบาร์, “โบว” ห้องอาหารเอเชียเหนือผิวน้ำ ได้แรงบันดาลใจจากคลื่นทะเลในภาษาจีน เสิร์ฟเมนูดั้งเดิมในสไตล์โมเดิร์น ส่วนใครชอบความมีชีวิตชีวาแนะนำให้ไปแฮงเอาต์ที่ห้องอาหาร “โคคูน” (Cocoon) มีบริการอาหารฟิวชัน, ค็อกเทล, ดนตรีสด พร้อมชมวิวสวยๆในบรรยากาศโรแมนติก ฟิตเนสเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ทานให้เต็มที่แล้วค่อยไปเบิร์นกัน อีกหนึ่งจุดเด่นของ “ดุสิตดีทู เฟย์ดู มัลดีฟส์” คือสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง ที่สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น โดยสะท้อนแนวคิดของเกาะพักผ่อนสมัยใหม่ ผสมผสานความเป็นส่วนตัวเข้ากับพลังความมีชีวิตชีวา โซนล็อบบี้และเลานจ์ได้รับการออกแบบให้โปร่งโล่งสว่าง ใช้ไม้ธรรมชาติและโทนสีสดใสในการตกแต่ง เพื่ออวดวิวทะเลกว้างสุดสายตา ภายในรีสอร์ตประกอบด้วย 127 วิลล่าและเรสซิเดนซ์ มีให้เลือกทั้งวิลล่าริมน้ำและวิลล่าริมชายหาด ไปจนถึงวิลล่าพูลกลางน้ำเหนือทะเลที่เป็นเอกลักษณ์ของมัลดีฟส์ โดยวิลล่าทุกหลังตั้งใจออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวสูง เพื่อให้ผู้มาเยือนได้พักผ่อนชาร์จพลังเต็มที่ ใครอยากจัดงานแต่งริมชายหาด, งานเลี้ยง หรือจัดทริปเอาติ้งบริษัท รออีกนิดพร้อมให้บริการเร็วๆนี้ ไม่ต้องกลัวเหงาเลย “ดุสิตดีทู เฟย์ดู มัลดีฟส์” มีกิจกรรมเพียบที่จะสร้างประสบการณ์ดีๆในวันพักผ่อน ตั้งแต่การผจญภัยในโลกใต้ท้องทะลไปกับกิจกรรมดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น ที่แนวปะการัง Feydhoo Wall และ Feydhoo Cave, กีฬาทางน้ำครบครันทั้งเจ็ตสกี, พาราเซลลิ่ง, เวคบอร์ด, แพดเดิลบอร์ด หรือจะล่องเรือชมพระอาทิตย์ตก, ชมโลมา, ตกปลา และทัวร์เมืองมาเล่ สายคอนเทนต์น่าจะชอบกิจกรรมถ่ายรูปสวย อย่างอาหารเช้าลอยน้ำ, คลาสทำอาหาร, เวิร์กช็อปค็อกเทล, โยคะริมทะเล หรือจะเติมเต็มวันพักผ่อนด้วยสปาสุดผ่อนคลายที่ “Namm Spa” ไม่ควรพลาดทุกคืนวันศุกร์มีการแสดงดนตรีและการเต้นรำแบบพื้นถิ่นชาวมัลดีฟส์ “มัลดีฟส์” คือสัญลักษณ์ของความงามแห่งธรรมชาติ, การพักผ่อนอันสงบ และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตช้าๆแบบสโลว์ไลฟ์ ท่ามกลางทะเลสีฟ้าเทอร์คอยส์อันไร้ขอบเขต ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไป, คู่รัก, คู่ฮันนีมูน หรือครอบครัว เชื่อว่ามัลดีฟส์ยังคงเป็นจุดหมายในฝันที่ทุกคนอยากไปเยือนอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต.ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่