นับจากวันนี้ไปอีกเพียง 2 วันเท่านั้น ก็จะถึงวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 11 หรือ “วัน ออกพรรษา” วันสำคัญอีกวันหนึ่งของพุทธศาสนิกชนเป็นความเชื่อของชาวไทยเรามาแต่โบราณกาลแล้วว่า “วันออกพรรษา” หรือวันขึ้น 15 คํ่า เดือน 11 เป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเสด็จขึ้นโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์เป็นเวลา 3 เดือน ก็เสด็จกลับถึงโลกมนุษย์ในวันดังกล่าวนี้ และได้ทรงแสดง “โลกวิวรณปาฏิหาริย์” หรือ การเปิดโลกทั้ง 3 ได้แก่ สวรรค์ นรก และโลกมนุษย์ ให้เห็นกันและกันได้...ทำให้ วันออกพรรษา มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “วันพระเจ้าเปิดโลก” ด้วยเหตุผลนี้ต่อมาในวันรุ่งขึ้น หรือวันแรม 1 คํ่า เดือน 11 ก็เป็นโอกาสที่ประชาชนจะได้น้อมเกล้าฯ ใส่บาตรถวายแด่พระพุทธเจ้าเป็นวันแรกในรอบ 3 เดือน จึงเรียกกันว่า “ตักบาตรเทโว” และมีประเพณี ตักบาตรเทโว หลังวันออก พรรษา 1 วัน สืบเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้เรามาสำรวจตรวจสอบกันเลยดีกว่าครับ ว่างาน “ออกพรรษา” ปีนี้จะมีที่ไหนบ้าง เผื่อจะเป็น “คู่มือ” ในการตัดสินใจของท่านผู้อ่านที่จะไปร่วมงานบุญ และถือโอกาสไปท่องเที่ยวด้วยควบคู่กันไปงานใหญ่งานแรกที่มีการโจษขานและรอคอยกันมาตลอดทั้งปี คงต้องยกให้ “งานเทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคโลก 2568 จังหวัดหนองคาย” ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 4 ตุลาคม เมื่อวานนี้แล้ว และจะมีไปจนถึงวันที่ 10 ตุลาคม เป็นวันสุดท้ายทั้งนี้ จะเป็นงานที่จัดขึ้นใน 6 อำเภอ ตามลำนํ้าโขงของจังหวัดหนองคาย ได้แก่อ.เมืองหนองคาย, อำเภอโพนพิสัย, อำเภอศรีเชียงใหม่, อำเภอสังคม, อำเภอรัตนวาปี และ อำเภอท่าบ่อ แต่หลักๆแล้วงานใหญ่จะอยู่ที่ อ.เมืองหนองคาย ซึ่งจะเริ่มด้วย พิธีฟ้อนบวงสรวงพญานาค, การแสดงแสงสีเสียง “เปิดตำนานบั้งไฟพญานาค”, “การแข่งขันเรือยาวประเภทต่างๆ”, ขบวนแห่ปราสาทผึ้งทางนํ้า, ถนนคนเดินตลาดแคมของ, กิจกรรมลอยเรือไฟกาบกล้วย, กิจกรรมตักบาตรเทโวโรหณะ และการประกวด เทพีศรีอีสาน ฯลฯ เป็นต้นแต่ที่โจษขานและรอคอย ทั้งฝ่ายที่เชื่อและไม่เชื่อ รวมถึงฝ่ายที่ “ต้องการพิสูจน์” ก็คือ ปรากฏการณ์ “บั้งไฟพญานาค” ลูกไฟที่ลอยขึ้นจากนํ้าในคืนวันออกพรรษา 7 ตุลาคม 2568 นั่นเองที่เชื่อว่าเป็นลูกไฟที่เกิดจากการพ่นไฟของพญานาคที่อยู่ในเมืองบาดาล ใต้แม่นํ้าโขงก็ยังมีอยู่ แต่ที่มองว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติเกิดจากแก๊สใต้นํ้า ก็เคยมีคนพยายามวิจัย และ ที่ไม่เชื่อเลย แถมฟังธงว่ามีการยิงหรือปล่อยลูกไฟขึ้นเองแบบจัดฉากก็มีอยู่มากในทุกๆปี จะมีลูกไฟลอยขึ้นจากแม่น้ำโขงไม่เท่ากัน...ถือเป็นเสน่ห์ของงานออกพรรษาของจังหวัดหนองคาย ที่จะมีพี่น้องชาวไทยไปพิสูจน์บั้งไฟพญานาคจนล้นหลามในแต่ละปี... และเข้าใจว่ารวมทั้งปีนี้ด้วย ซึ่งจะมีการจัดตั้งจุดให้ชมบั้งไฟพญานาคเอาไว้ในอำเภอต่างๆ ถึง 17 จุด รวมไปถึงที่จังหวัด บึงกาฬ ด้วยจากหนองคายก็มาถึงงานใหญ่ของจังหวัด นครพนม อันได้แก่งาน “ไหลเรือไฟโลกนครพนม 2568” ที่จัดขึ้น 12 วัน 12 คืน... เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ไปสิ้นสุดในวันที่ 8 ตุลาคม หลังวันออกพรรษา 1 วัน ซึ่งทีมงานซอกแซกจะขอข้ามไป เพราะได้เขียนรายละเอียดเชิญชวนล่วงหน้าไว้แล้วตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาสำหรับของภาคอีสานความจริงยังมีอีกหลายจังหวัด แต่ที่โด่งดังใน ระดับชาติ และ กำลังยกฐานะเป็นระดับโลก ก็เห็นจะเป็น 2 จังหวัด คือ หนองคาย กับ นครพนม ดังที่กล่าวไว้ในส่วนของภาคอื่นๆก็จะมีงานออก พรรษาทุกจังหวัด (ความจริงอยากจะใช้คำว่าทุกอำเภอด้วยซ้ำ) เพราะคนไทยเราให้ความสำคัญ แก่วันออกพรรษาอย่างยิ่ง ดังได้กล่าวไว้แล้วทีมงานซอกแซกขอแนะนำงานบุญของจังหวัดในภาคกลางตอนบน จังหวัดอุทัยธานี อีก 1 จังหวัดก็แล้วกัน เพราะจะโยงไปสู่ความเชื่อแต่โบราณว่า วันออกพรรษาเป็นวันพระเจ้าเปิดโลก และพระพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อรับบาตรจากพุทธศาสนิกชน ได้แก่ “งานประเพณีตักบาตรเทโวอุทัยธานี 2568” นั่นเอง จะจัดขึ้น 2 วัน ระหว่าง วันที่ 7-8 ตุลาคมนี้ ณ วัดสังกัสรัตนคีรี ในเขตอำเภอเมือง โดยในช่วงค่ำของวันออก พรรษา 7 ตุลาคม ตั้งแต่ 18.30 น.เป็นต้นไป จะมีพิธี “เลี้ยงขันโตก” ณ บริเวณวัดดังกล่าว พร้อมชมการแสดงแสงสีเสียงในชุด “เทโว โรหณะพุทธกตัญญู” อันยิ่งใหญ่ตระการตาจากนั้นในช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 8 ตุลาคม จะมีพิธีตักบาตรเทโวฯ ตำรับ อุทัยธานี ซึ่งจะมีขบวนพระภิกษุสงฆ์ก้าวลงจากบันไดบนสุดของยอดเขาเหมือนเดินลงมาจากสวรรค์ให้ประชาชนร่วมกันใส่บาตรทั้ง 2 ข้างบันไดและบริเวณพื้นราบด้านล่าง เป็นภาพที่สุดงดงามยิ่งอีกภาพหนึ่ง และกลายเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดอุทัยธานีมาจนตราบเท่าทุกวันนี้ครับ! ก็ขอสรุปอีกครั้งว่า สำหรับเทศกาลออกพรรษาที่จะมีการจัดงานใหญ่บ้างงานเล็กบ้างทั่วประเทศไทยเรานั้น...เอาเป็นว่าใครอยู่ใกล้จังหวัดอำเภอใด หรือมีจุดประสงค์จะไปจังหวัดใดอำเภอใดอยู่แล้ว นอกเหนือจาก 3 จังหวัดที่ทีมงานซอกแซกเอ่ยถึงในวันนี้ก็ขอให้มุ่งหน้าไป ณ สถานที่นั้นๆตามที่มีเจตนารมณ์ตั้งมั่นเอาไว้ก็แล้วกันจะได้ “บุญ” ยกกำลังสองเลยครับ...คือ ทั้งบุญจากพระพุทธศาสนาโดยตรงกับบุญจากการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง...สาธุ! อนุโมทนามิ!"ซูม"คลิกอ่านคอลัมน์ “ซูมซอกแซก” เพิ่มเติม