ขับตะลอนย่านรามอินทรา กม.9 เข้าไปในสถานีบริการน้ำมันบางจากเพื่อเติมน้ำมัน โอ้โหบรรยากาศดีสุดๆ เหมือนอยู่ต่างประเทศ ด้านในมีคอมมูนิตี้มอลล์ “ดิ แอลลี่ รามอินทรา” เป็นศูนย์รวมร้านอาหารชื่อดัง แถมที่จอดรถสะดวกสบายเป็นระเบียบเรียบร้อย ผมเหลือบไปเห็นป้ายร้านอาหารปักษ์ใต้ พร้อมสโลแกน “อาหารใต้สไตล์ภูเก็ต” นึกถึงรสชาติอาหารใต้ เครื่องแกงเผ็ดร้อน และผักนานาชนิดขึ้นมาทันที “คุณชายตะลอนชิม” สัปดาห์นี้ “คุณชายแป๊ะ” ขอแนะนำร้าน “ครัวแม่ศรี” ของ “แม่ศรี–เจริญศรี รัตนศุภกร” อายุ 61 ปี ร้านขนาด 2 คูหา ในห้องกระจกเปิดแอร์เย็นสบาย ฝั่งขวาของร้านมีตู้โชว์กับข้าว ครบครันทั้งผัด แกง ทอด วางเรียงอยู่ในถาดสเตนเลสเป็นแถวสูง 2 ชั้น คะเนด้วยสายตามีอาหารให้เลือกมากกว่า 30 อย่าง แค่เห็นหมูทอดเกลือในถาดแรกก็ทำเอาผมน้ำลายสอทันที“เลือกตามสบายนะลูก อยากกินอะไรเดี๋ยวแม่ตักให้” เสียงแม่ศรีที่กำลังสับขาหมูดังมาแต่ไกล“น่าทานไปหมดเลยครับแม่ศรี” ตอนนี้ลูกค้าเริ่มทยอยเข้ามาในร้าน เพราะเป็นช่วง เที่ยงพอดีเห็นทีต้องรีบสั่งก่อน เพราะกระเพาะร้องซะแล้ว “ผมเอาหมูทอดเกลือกับขนมจีนน้ำยาปูครับ”รอเพียงครู่เดียว “หมูทอดเกลือ” และ “ขนมจีนน้ำยาปู” ก็นำมาเสิร์ฟ หมูสามชั้นทอดกรอบหนังฟู เนื้อแห้งมีรสชาติความเค็มเข้าเนื้อ เคี้ยวแล้วกรุบกรอบสนุกปากดี ส่วนน้ำยาปูรสชาติเด็ดขาด กลิ่นเครื่องพริกแกงหอมขึ้นจมูก รสชาติจัดจ้านเผ็ดกำลังดี ทานกับขนมจีนเส้นเหนียวนุ่มเข้ากันดี “ความพิเศษของน้ำยาปูคือเครื่องแกง แม่ทำเองใหม่ๆทุกวัน ใช้ขมิ้นสด พริกสด ใส่กะปิอย่างดี หอมแดง กระเทียม ตะไคร้ ข่า ผิวมะกรูด นำมาปั่นรวมกันให้ละเอียด จากนั้นจึงนำมาเคี่ยวกับกะทิ เคล็ดลับสำคัญคือการใช้กะทิสด มะพร้าวต้องไม่แช่น้ำ ทำให้ได้กะทิกลิ่นหอมและได้รสชาติแบบภูเก็ต ที่ สำคัญเนื้อปูต้องสด ส่วนหมูทอดเกลือ หั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นนำไปต้มแล้วไปคลุกเคล้า กับเกลือและน้ำปลาหมักไว้ 1 ชั่วโมงให้รสชาติ เข้าเนื้อ จากนั้นนำไปทอด ทอดรอบแรกเสร็จให้นำมาพักให้เย็น ก่อนนำไปทอดอีกรอบ หนังหมูจะฟูกรอบแห้งแบบสไตล์ภูเก็ต ทานกับผัดหรือแกงเผ็ดก็อร่อยเข้ากัน” แม่ศรีปลีกตัวมาคุยกับผมอย่างเป็นกันเอง “เดี๋ยวแม่เลือกกับข้าวให้กินอีก มาทั้งทีอยากให้ได้กินครบๆ” หายไปครู่เดียวแม่ศรีนำกับข้าวเมนูเด็ดใส่จานมาเสิร์ฟทั้ง หมูฮ้อง สูตรภูเก็ต, แกงเหลืองยอดมะพร้าวปลากะพง, หมูสามชั้นผัดกะปิ, แกงคั่วกระดูกหมู, ไก่ผัดตะไคร้ใส่ใบยี่หร่า และคอหมูทอด พร้อมด้วยผักเคียงจัดมาให้จุใจ 1 ถาดใหญ่ อัดแน่นไปด้วยผักนานาชนิด ทั้ง แตงกวา, กะหล่ำปลี, ถั่วงอก, ไชโป๊ว, ใบแมงลัก, ใบมะม่วงหิมพานต์, ใบมะกอก และทีเด็ดคือ ผักดองน้ำอาจาด มี แตงกวา, ไชโป๊ว, แครอท, พริกชี้ฟ้า, หอมแดง หั่นซอยดองกับ น้ำส้มสายชูและน้ำตาล โดยไม่ต้องการเคี่ยวหรือต้มแต่อย่างใด ดองไว้ข้ามคืนให้เข้าเนื้อ เจอกับข้าวชุดใหญ่เข้าไปผมถึงกับตาลุกวาวด้วยความน่ากิน “หมูฮ้อง” รสชาติเข้มข้น ใช้การเคี่ยวน้ำตาลทรายขาวในกระทะจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล นำไปปรุงกับเนื้อส่วนสันคอหมูและหมูสามชั้น ผัดกับสามเกลอ (รากผักชี, กระเทียม และพริกไทย) เติมผงพะโล้ให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย โดยไม่ต้องเติมน้ำเพิ่มแต่อย่างใด ปิดฝาแล้วเคี่ยวไฟอ่อนๆประมาณ 2 ชั่วโมง จึงได้หมูฮ้องตามสไตล์ภูเก็ตขนานแท้ รสชาติเข้าเนื้อหมูหอมกลิ่นเครื่องสมุนไพรมีน้ำขลุกขลิกรสชาติหวานเค็มกลมกล่อม “หมูผัดกะปิ” เป็นจานที่ผมถูกใจอย่างยิ่ง หมูสามชั้นนุ่มละมุนลิ้น หอมกลิ่นกะปิ รสชาติเค็มเผ็ดกำลังดี ที่สำคัญใส่สะตอเม็ดใหญ่ๆมาแบบ เต็มๆเม็ด คลุกกินกับข้าวสวยร้อนๆ ตามด้วยผักดองน้ำอาจาดแล้ว โอ้โห! คุณผู้อ่าน มันฟินเสียจริงๆ ด้วยคุณภาพของกะปิอย่างดี สะตอฝักใหญ่ และวัตถุดิบที่ใช้มีคุณภาพ รับประกันว่า ใครได้ชิมเป็นต้องติดใจ อาหารใต้ขาดไม่ได้คือ “แกงส้ม” ครัวแม่ศรีมี “แกงส้มยอดมะพร้าวปลากะพง” รสชาติเผ็ดกลางๆ เสิร์ฟมาคู่กับปลากะพงหั่นเป็นท่อนชิ้นใหญ่ พริกแกงส้มของร้านนี้อร่อยเด็ดเป็นที่สุด นอกจากแกงส้มยอดมะพร้าว ยังมีแกงส้มมะละกอ, แกงส้มหน่อไม้ ไว้ให้เลือกทานตามใจชอบ แม่ศรีเล่าว่า “เสน่ห์ของอาหารใต้อยู่ที่การกินกับผักแนม ถ้าที่ปักษ์ใต้ผักจะเยอะมากกว่านี้ แต่ในกรุงเทพฯ อาจจะหาผักพื้นบ้านยากหน่อย แต่ก็มีใบมะม่วงหิมพานต์ให้รสเฝื่อน ใบมะกอกให้รสชาติออกเปรี้ยว เพื่อจะได้ตัดรสชาติเผ็ด อาหารใต้ต้องทานกับผักที่มีรสชาติเฝื่อนถึงจะอร่อย ส่วนผักดองน้ำอาจาดของร้านจะทำทุกเย็นดองข้ามคืนแล้วให้ลูกค้าได้ทาน อร่อยเข้าเนื้อผักพอดี ทานกับหมูฮ้องก็ได้ ทานกับผัดสะตอก็อร่อยเข้ากันหมด ที่ร้านจัดผักให้ทานฟรี” “แม่เป็นคนภูเก็ตอยู่ที่อำเภอถลาง มาอยู่กรุงเทพฯนาน 44 ปี ตอนขึ้นมากรุงเทพฯ ไปเป็นลูกจ้างทำงานบริษัทอยู่หลายแห่ง กระทั่งน้องกิ๊บ–ศิรินาฎ ลูกสาวของแม่ไปเป็นดาราในสังกัดของคุณต้อย–เศรษฐา ศิระฉายา แม่จึงออกจากงานมาดูแลลูก ช่วงที่ลูกอยู่ในวงการบันเทิงแม่ก็ทำกับข้าวอาหารใต้สไตล์ภูเก็ตไปฝากที่กองถ่าย กระทั่งคุณต้อย– เศรษฐาติดใจในรสชาติแกงไตปลา แนะนำให้แม่เปิดร้านอาหาร กลายเป็นจุดเริ่มต้นทำให้แม่เป็นแม่ค้าขายอาหาร ถึงปัจจุบันร้านเปิดมานาน 20 ปี มีสาขาแรกอยู่ที่ซอยโพธิ์แก้ว ส่วนที่ดิ แอลลี่ รามอินทรา เป็นสาขา 2 เปิดมาได้ 3 ปีแล้ว” “บางคนอาจจะเข้าใจว่า อาหารใต้มีแต่รสเผ็ด แต่เรามีแบบเผ็ดกลางๆ เช่น แกงเขียวหวานไก่ พะแนงหมู ที่มีรสชาติไม่ได้เผ็ดมากด้วย แม่มีอาหารรสชาติหลากหลาย ทุกวันนี้มีกับข้าวให้เลือกวันละ 35 อย่าง มีครบทั้งแกงไตปลา ไข่พะโล้ แกงส้มมีทั้งกุ้ง ปลากะพง ปลาทราย และที่ห้ามพลาดคือ ตูโบ้ ขนมหวานแบบคนภูเก็ต มีเม็ดสาคู ฟักทอง ถั่วแดง เผือก มัน ทับทิมกรอบ ทานกับน้ำกะทิอุ่นๆ ทำให้รู้สึกสบายท้อง แม่เป็นคนที่ชอบดูแลลูกค้า ใครมาทานแม่ก็จะชอบถามว่า อร่อยไหมถูกใจไหม ติชมได้เสมอ แม้ว่าแม่จะขายมานาน แต่แม่ก็ยังคุยกับลูกค้าแบบนี้ เพื่อที่เราจะได้นำมาปรับปรุง พัฒนาร้านต่อไป” แม่ศรีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม สนนราคา ขนมจีนน้ำยาปู 120 บาท, หมูผัดกะปิใส่สะตอ 100 บาท, หมูฮ้อง 100 บาท, แกงส้มปลากะพงยอดมะพร้าว 100 บาท, แกงคั่วกระดูกหมู 100 บาท, ไก่ผัดตะไคร้ใส่ใบยี่หร่า 100 บาท, หมูทอดเกลือ 100 บาท และคอหมูทอด 100 บาท ร้าน “ครัวแม่ศรี” เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 07.00-17.00 น. สามารถแอดไลน์ที่เบอร์โทรศัพท์ 08–8968–3534 ทางร้านจะส่งเมนูให้ลูกค้าดูครบทุกเมนู.คุณชายแป๊ะคลิกอ่านคอลัมน์ “คุณชายตะลอนชิม” เพิ่มเติม