“การทดลอง” เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างอาการคัน การเกา และการอักเสบสร้างหนูทดลองที่สามารถปรับแต่งให้มีเซลล์ประสาทจำเพาะที่เหนี่ยวนำได้ และสามารถรับรู้อาการคันชนิด nonpeptidergic 2 (NP2) ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือการแสดงออกของ MrgprA3 (เรียกว่า Mrgpra3DTR) พบว่าเซลล์ประสาทที่มีการแสดงออกของ MrgprA3 จำเป็นต่อการเกาและการอักเสบในภาวะไวต่อการสัมผัสชนิดที่ 2 (contact hypersensitivity type 2) และการกระตุ้นเซลล์แมสต์จาก FcεRIในทั้งสองกรณี การเกาช่วยเพิ่มการสลายแกรนูล (degradation) ของเซลล์แมสต์ โดยมีการแสดงออกของ tumor necrosis factor (TNF) และมีการดึงดูดเซลล์นิวโทรฟิล การเพิ่มการแสดงออกของ alarmins thymic stromal lymphopoietin (TSLP) และอินเตอร์ลิวคิน-33 (IL-33) ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ากระตุ้นเซลล์แมสต์ ไม่จำเป็นต้องเกิดจากการเกาการศึกษาพบว่าการเกาเพียงพอที่จะกระตุ้นการปล่อย substance P หรือสาร SP จากเซลล์ประสาทที่มีการแสดงออกของ Trpv1 ซึ่งทำงานร่วมกับ FcεRI cross-linking และส่งผลให้มีการปลดปล่อย TNF สูงสุดจากเซลล์แมสต์ การยืนยันทำโดยใช้หนูที่มีการกำจัดยีน MrgprB2 หรือยีนที่เข้ารหัส SP (Tac1) และโดยการยับยั้งทางเคมีพันธุกรรม chemogenetic inhibition ของเซลล์ประสาทที่แสดงออกของ Trpv1การอักเสบในหนูที่ป้องกันไม่ให้มีการเกาสามารถยับยั้งได้โดยการกระตุ้นเซลล์ประสาทที่แสดงออก Trpv1 จากภายนอก สุดท้ายพบว่าการเกา ลดความหลากหลายของจุลินทรีย์ในผิวหนัง และในแบบจำลองการติดเชื้อ S. aureus แบบ epicutaneous ทั้งการอักเสบและการป้องกันตนเองของโฮสต์จำเป็นต้องได้รับการเกาสรุป วงจรคัน-เกาเป็นกระบวนการก่อโรคในผื่นแพ้ผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบ หรือปฏิกิริยาของสัตว์ขาปล้อง ในวงจรนี้อาการคันและการเกาจะเพิ่มการอักเสบและการกำเริบของโรคในขณะเดียวกัน ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าการเกากระตุ้นเซลล์ประสาทที่แสดงออก Trpv1 ในผิวหนัง ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญของ SP ในผิวหนัง การกระตุ้นเซลล์แมสต์อย่างประสานกันโดยการกระตุ้นของทั้ง MrgprB2 และ FcεRI ทำให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งผ่านการเพิ่มจำนวน นิวโทรฟิลดังนั้น เซลล์แมสต์ในชั้นผิวหนังจึงเป็นศูนย์กลางของการอักเสบและสามารถรวมตัวกระตุ้นทั้งแบบปรับตัวและแบบมีมาแต่กำเนิดของระบบประสาทนอกจากนี้ การเกาที่เกิดจากการอักเสบสามารถลดจำนวนแบคทีเรียในผิวหนัง และในกรณีของการติดเชื้อ S. aureus ที่ผิวการอักเสบที่เกิดจากการเกาจะช่วยเพิ่มการป้องกันของร่างกาย ข้อมูลเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า การเกาสามารถทำให้โรครุนแรงขึ้นและขณะเดียวกันก็เป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้โดยผ่านแกนภูมิคุ้มกันประสาท (neuroimmune axis) และยังเชื่อมโยงบทบาทที่ดูเหมือนขัดแย้งกันของการเกาในฐานะกระบวนการทางพยาธิวิทยาและการปรับตัวทางวิวัฒนาการอีกด้วยศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา และ นพ.ดร.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ.หมอดื้อคลิกอ่านคอลัมน์ "สุขภาพหรรษา" เพิ่มเติม