เข้าวงการบันเทิงมาตั้งแต่อายุ 17 ปี แต่ยังยืนหยัดเป็นตัวแม่ของวงการมาถึงทุกวันนี้ก็ด้วยคุณภาพการทำงานที่เป็นหนึ่งไม่เป็นสองรองใครของ “รถเมล์ คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์” ล่าสุด นักแสดงและพิธีกรมากความสามารถ สร้างแรงบันดาลใจให้กับแฟนๆ ด้วยการเป็นต้นแบบ “ครอบครัวเกษตรกรยุคใหม่” ลงทุนซื้อที่ดินผืนเล็กๆที่เชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งชื่อว่า “MAE GU” หรือ “ฟาร์มแม่กู” เพื่อให้ทุกคนทุกเจเนอเรชันในครอบครัวได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขาและป่าไม้ ช่วยกันปลูกพืชผักผลไม้ปลอดสารไว้แบ่งกันกินอร่อยและปลอดภัยตลอดปี“จุดเริ่มต้นของ “MAE GU” ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลยค่ะ เป็นแค่การออกเดินทางร่วมกันของพี่ๆน้องๆในครอบครัวเรา ที่ต้องการออกแบบการใช้ชีวิตบั้นปลายร่วมกัน พวกเราอยากไปอยู่ทางเหนือ อยากอยู่ใกล้ภูเขาที่มีอากาศเย็น ฝันกันไว้ว่าอยากมีที่ดินผืนเล็กๆที่จะได้ใช้ชีวิตใกล้กัน สามารถเดินไปมาหาสู่กันง่าย กินข้าวและนั่งเล่นด้วยกัน มีพื้นที่ตรงกลางได้มานั่งคุยกัน ได้ลงมือช่วยกันปลูกต้นไม้ ปลูกพืชผักผลไม้ปลอดสารไว้แบ่งกันกิน ฝันไว้ว่าอยากใช้ชีวิตแบบนี้ แค่นั้นเลยค่ะ พวกเราคุยกันว่าจะไม่รีบเร่ง แต่จะค่อยๆใช้เวลาเพื่อมองหาที่ดินในฝัน ต้องเป็นผืนดินที่พวกเราทุกคนเห็นแล้วว้าวพร้อมกัน”...“รถเมล์” บอกเล่าถึงที่มาของการเป็นครอบครัวเกษตรกรยุคใหม่ ชื่อฟาร์ม “MAE GU” มีที่มาจากไหนก็คือฟาร์มของแม่กูนี่แหละค่ะ ทำทุกอย่างเพื่อคุณแม่ๆของทุกคนในครอบครัว มันเริ่มมาจากอาม่าก่อน อาม่าหมายถึงแม่ของพี่ชาย ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของรถเมล์ เขาเป็นคนชอบพวกป่า แม่ของพี่สะใภ้และแม่ของรถเมล์ก็ชอบต้นไม้ด้วย และพวกเราอยากให้คนทุกเจนฯในครอบครัวได้มาอยู่รวมกัน ตอนเจอผืนดินในฝันของครอบ ครัวเห็นแล้วว้าวขนาดไหนวันที่ 2 เดือน 2 ปี 2020 เป็นวันแรกของการเดินทางตามหาผืนดินในฝันของพวกเรา ก็ไปเจอที่ดินผืนเล็กๆประมาณ 15 ไร่ ที่เชียงดาว ซึ่งพวกเราได้ว้าวพร้อมๆกัน ณ วันนั้น มันเป็นแค่ผืนดินที่มีเนินเขาหัวโล้น แต่สัมผัสแรกที่เข้าไปยืน เหมือนโดนโอบกอด เป็นผืนดินที่เหมือนเกาะเล็กๆล้อมไปด้วยห้วยแม่ป๋าม ซึ่งตอนนั้นคือแห้งสนิท มองไปข้างหน้ามีผาแดงตั้งตระหง่าน มีเนินเขาหัวโล้นที่ปลูกถั่วปลูกงา เดินขึ้นเนินแค่เหงื่อซึมก็เห็นดอยหลวงอยู่ข้างดอยนาง มีสวนกล้วยน้ำว้าที่พวกเราแอบชิมแล้วโคตรอร่อย พอฝนเริ่มตก น้ำในห้วยแม่ป๋ามไหลมาแล้ว หญ้าป่าขึ้นเขียวชอุ่ม น้ำค้างเกาะดอกหญ้าดูสวยจัง แต่ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะทำอะไร ถ้างั้นพวกเราเริ่มปลูกป่าก่อน ก็ไปขอกล้าไม้ป่ามาปลูก ปลูกมันไปเรื่อยๆ เห็นภาพชัดหรือยังว่าอยากทำอะไรบนผืนดินแห่งนี้ตอนแรกยังเห็นภาพไม่ชัดว่าอยากทำอะไร พวกเราก็ขุดบ่อเพื่อเก็บน้ำ บ่อเดียวไม่พอ เลยทดลองแบบที่แตกต่างออกเป็น 3 บ่อ พวกเราทำถนนเพื่อจะเดินขึ้นไปดูดอยได้ง่ายๆ ทำสะพานข้ามห้วย และทดลองปลูกพืชผักผลไม้ คืออยากกินอะไรก็ปลูก สารเคมีไม่ใช้ ก็เลยได้กินบ้าง แบ่งนกหนอนหอยทากกินบ้าง แต่ก็สุขกายสบายใจดี ช่วงไหนมีเยอะก็เก็บไปฝากพี่น้องเพื่อนสนิท ก็เริ่มจากตรงนั้นมาเรื่อยๆ จากผืนดินเล็กๆขยายใหญ่มาเป็น 60 ไร่ ได้อย่างไรเหมือนเบื้องบนจะคิดว่าพวกเราสบายเกินไป เลยดลใจให้ชาวบ้านที่ติดกับเราขายที่ให้พวกเรา คราวนี้เราได้เนินเขาที่สูงขึ้นและสวยขึ้น ได้เห็นดอยมากขึ้นอีกนิด ที่ดินผืนใหม่มาพร้อมสวนมะม่วงหลากหลายพันธุ์ และสวนลำไยที่เพิ่งเริ่มปลูก เราแบ่งที่ดินครึ่งหนึ่งไว้ปลูกป่ากันค่ะ เมล็ดพันธุ์ของความฝันเติบโตงอกงามอย่างที่คิดไหมปี 2023 ความฝันของพวกเราเริ่มเห็นชัดขึ้น ไม้ป่าที่ “MAE GU” เติบโตให้ร่มเงา ไม้ดอก ไม้ผลพืชผักเริ่มได้กิน ได้แบ่งปันและได้ขาย เราเริ่มมีเงินก้นถุง ถึงแม้จะไม่พอจ่ายค่าแรง แต่พวกเราสนุกแถมสุขใจกันมาก พวกเราเริ่มสร้างบ้านหลังแรก อยากขยายแปลงปลูกพืชผักผลไม้ปลอดสาร อยากทำแคมป์กราวด์ พวกเราอยากทำเวิร์กช็อปเยอะแยะไปหมด อยากชวนพี่น้องเพื่อนสนิทมาเก็บมากินพืชผักผลไม้ดอกไม้ที่พวกเราตั้งใจปลูก ให้ทุกคนได้มาเดินขึ้นดอย ได้มานอนดูดาว ได้มาแบ่งปันพลังกัน ในอนาคตจะผันตัวเป็นเกษตรกรเต็มตัวเลยไหมจริงๆแล้วไม่ได้ตั้งใจจะไปปลูกพืชผักผลไม้ เพื่อทำการค้าขายหรืออะไรเลย ทุกอย่างมันเป็นความบังเอิญ พวกเราตั้งใจว่าจะปลูกไว้กินกันเอง อยากจะกินผักผลไม้ที่ปลอดสารพิษจริงๆ ถ้ามีส่วนที่เหลือค่อยแบ่งไปขาย แต่ปรากฏว่าผลผลิตที่ได้มันดีมาก เช่น ไปเจอต้นเก๊กฮวยงอกอยู่ตรงประตูสักบานหนึ่ง ลองดมแล้วมันมีกลิ่นที่หอมเลย ขนาดไม่ได้ตั้งใจจะไปปลูกเค้า ดอกเก๊กฮวยมันยังออกดีงาม พวกเราก็เลยเริ่มปลูกดอกเก๊กฮวยเต็มทุ่ง เพื่อนำมาทำชาดอกเก๊กฮวยขาย แต่จะปลูกปีละครั้งเดียวตามฤดูกาล ไม่ได้ไปทำเขาเหมือนแบบเร่งๆ คือปล่อยให้เขาเกิดตามธรรมชาติ แล้วก็ให้เขาใช้ชีวิตให้มีแสงแดด, น้ำ, ฝน จะได้อารมณ์ดี อย่างปีนี้ก็เพิ่งลงดินไป ปลายปีทุ่งดอกเก๊กฮวยจะเหลืองสะพรั่ง เป็นฤดูกาลของการเก็บเกี่ยว ก็จะช่วยกันเก็บดอกเก๊กฮวยเอามาตากแห้งและทำเป็นชาดอกเก๊กฮวย ด้วยความที่มีญาติพี่น้องเยอะ ก็ช่วยกันทำคนละนิดละหน่อย อย่างน้องจบสถาปัตย์มา เขาก็จะออกแบบเรื่องแพ็กเกจจิ้งและถ่ายรูปสวย ส่วนพี่ชายและพี่สะใภ้จะเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงหลักเรื่องการเพาะปลูกพืชผักผลไม้ โดยปรึกษาคนท้องถิ่น บ้านเราทำน้ำหมักขาโหดไว้ใช้เอง จะไม่ใช้ปุ๋ยไม่ใช้สารเคมีเลย น้ำหมักขาโหดมีฤทธิ์สะท้านเมืองแค่ไหนรวมรสเผ็ดร้อน มีพริก, ขิง, ข่า, ตะไคร้ รวมทุกอย่างที่มันเป็นแบบเผ็ดๆ เพื่อจะไล่พวกแมลงต่างๆ ก็จะทำน้ำหมักกันเอง เรายังมีน้ำหมักสำหรับการบำรุงพวกพืชผักผลไม้ต่างๆ โดยใช้น้ำหมักจากขี้วัวและขี้ไก่ ซึ่งก็ต้องมาจากฟาร์มวัวที่ไม่ใช้โซดาไฟในการล้างพื้น เพราะต้องการให้มันปลอดสารอย่างแท้จริง“กระเทียม” ของฟาร์มแม่กู มีเอกลักษณ์โด่งดังขนาดไหนเรื่องปลูกกระเทียมได้มาจาก “พี่แสง” คนงานในฟาร์มค่ะ เขาเห็นเราปลูกผักนู่นนี่นั่น เขาเป็นคนในพื้นที่จึงแนะนำให้ลองเอากระเทียมพันธุ์แก้วของเชียงใหม่มาปลูกบ้าง ปรากฏว่าปลูกปุ๊บได้ผลผลิตออกมาคือกินแล้วมันอร่อย ก็แบบทุกอย่างมันดีมาก ปกติชาวบ้านจะปลูกกันปีละสองครั้ง แต่ของบ้านเราจะปลูกปีละครั้งและใช้เวลาปลูกนาน 4 เดือน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มันแก่แบบจริงๆ จากนั้นเอามาตากแดด 2 แดด และผึ่งแห้งอีก 2 เดือน เพื่อต้องการให้กระเทียมมันแห้งสนิท รวมๆแล้วใช้เวลา 6 เดือนเต็ม กระเทียมของฟาร์มเราคัดทีละหัว จะขาวสะอาดแบบปลอดสารจริงๆ เม็ดอวบอิ่มไม่มีฝ่อ สามารถเก็บได้นานไม่ขึ้นราง่ายๆ เริ่มเก็บเกี่ยวกระเทียมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ปีหนึ่งได้ผลผลิต 100 กิโลกรัม ปลูกแล้วมันไปได้ดี เราถึงเลือกปลูกกระเทียมเยอะกว่าอันอื่นๆ ฟาร์มเราทดลองปลูกผักผลไม้หลายอย่าง อันไหนที่ได้ผลผลิตดี ถึงจะเลือกมาขยายเพิ่ม เพื่อส่งต่อของดีๆให้คนอื่นได้กินด้วย อะไรคือความสุขจากการเป็นครอบครัวเกษตรกรยุคใหม่เวลาอยู่กรุงเทพฯ ทุกคนก็จะมีชีวิตอยู่แบบคนละทิศคนละทางกันไป แต่พอไปอยู่ที่ฟาร์ม ครอบครัวเราทุกคนได้ไปใช้ชีวิตด้วยกัน ไปตั้งแคมป์ ไปฟังเสียงต้นไม้ ฟังเสียงน้ำและไปนั่งชิลชิล ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ได้หลีกหนีความวุ่นวายในเมือง พอไปอยู่ตรงนั้นมันเป็นอะไรที่โล่งสบายใจ อย่างที่ปลูกพืชผักผลไม้ก็ไม่ได้กำไรอะไรจากตรงนี้ แต่มันเป็นความสุขที่พวกเราต้องการจะกินผลผลิตที่ปลูกเองแล้วมันปลอดสาร พอมันมีผลผลิตเหลือ เรากินไม่หมดกันแล้ว ก็อยากแบ่งปันให้คนอื่นๆบ้าง รถเมล์เอามะเขือเทศที่ฟาร์มให้ลูกชาย “น้องคิด” กินด้วยความสบายใจ และปลายปีนี้จะให้ลูกสาว “น้องนิจ” ได้กินมะเขือเทศของฟาร์มเราบ้าง เป้าหมายมีไว้พุ่งชนของรถเมล์คืออะไรนอกจากจะอยากให้ทุกคนช่วยกันปลูกป่า ก็อยากให้ทุกคนปลูกผักปลอดสารด้วย สามารถทำได้ด้วยตัวเองไม่ยาก เพื่อสุขภาพของเราเอง เพื่อดินที่สะอาดปราศจากสารเคมีสะสม ถ้าดินอันตราย น้ำก็จะอันตรายด้วย หรือถ้าใครไม่มีเวลาก็อุดหนุนฟาร์มแม่กูได้นะคะ ตอนนี้เรามีสามเกลอที่เป็นซิกเนเจอร์ของฟาร์มคือ กระเทียม, พริกแห้ง และชาเก๊กฮวย เป็นชาดอกไม้ไม่มีคาเฟอีน เด็กดื่มได้ผู้ใหญ่ดื่มดี รถเมล์ยังมีเป้าหมายอีกอย่างคือ อยากเปิด “Camp Ground” ให้คนได้มาชื่นชมธรรมชาติที่ไม่ปรุงแต่ง ได้มาเดินขึ้นดอย มานอนดูดาว กินผักผลไม้ปลอดสาร สัมผัสอากาศดีๆ ดูหิ่งห้อยยามค่ำคืนช่วงปลายฝนต้นหนาว.ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐอ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่