ถ้านับข้อมูลถึงวันที่ 22 พฤศจิกายน 2566 กระทรวงสาธารณสุขได้ปูพรมฉีดวัคซีนป้องกัน HPV ไวรัส ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกในผู้หญิงไทยไปแล้ว 332,592 โดส จากที่ตั้งเป้าไว้ภายใน 100 วันของรัฐบาลนี้ที่ 1 ล้านโดสมีคำถามว่า ทำไมต้องให้เด็กผู้หญิงไทยฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่อายุยังน้อย นอกเหนือจากเหตุผลที่มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุดในเพศหญิง ตั้งแต่วัยสาวถึงวัยชรา โดยสถิติจะพบมากในช่วงอายุ 30-50 ปี ในแต่ละปีผู้หญิงทั่วโลกป่วยด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้นปีละ 466,000 คน เสียชีวิตปีละ 231,000 คน ซึ่งประมาณร้อยละ 80 ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกอยู่ในประเทศกำลังพัฒนา สำหรับประเทศไทยมีข้อมูลว่า มีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยประมาณ 4,500 รายต่อปี เฉลี่ยวันละ 8-10 รายและพบผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 8,000 คนต่อปีมะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อ Human Papilloma Virus หรือ HPV โดยเชื้อนี้เป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือHPV ชนิดก่อมะเร็ง มี 14 สายพันธุ์ ซึ่งหากติดเชื้อก็จะทําให้เป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด โดยสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึงประมาณร้อยละ 70 รองลงมาคือ สายพันธุ์ 45, 31 และ 33HPV ชนิดไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง ไม่ได้ทําให้เกิดมะเร็งปากมดลูก แต่เป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ เช่น HPV 6 และ 11 มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูก ที่หากไม่ได้รับการตรวจพบและรักษาได้ทันเวลาก็อาจเกิดการลุกลามและแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียงได้ โดยเฉพาะอวัยวะสำคัญภายในช่องท้อง เช่น ต่อมน้ำเหลือง กระเพาะปัสสาวะ ลําไส้ ซึ่งจะทำให้ยากต่อการรักษาและมีโอกาสเสียชีวิตสูงมะเร็งปากมดลูกพบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม ในประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ถึงปีละเฉลี่ยประมาณ 8,200 คน โดยครึ่งหนึ่งจะเสียชีวิตภายในเวลา 5 ปี และในแต่ละวันมีหญิงไทยเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกถึง 12 คนเชื้อ HPV ติดต่อได้ง่ายผ่านทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก เมื่อติดเชื้อ เซลล์ปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็ง ที่น่ากลัวคือ โรคนี้ใช้เวลาฟักตัวนานถึง 10-15 ปี ซึ่งผู้หญิงที่ติดเชื้อมักจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆเป็นระยะเวลานาน แต่จะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการแล้ว เช่น เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจําเดือน และนั่นหมายถึง มะเร็งได้เข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว ถ้าจะพูดว่า ผู้หญิงแทบทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย และผู้หญิงที่มีคู่นอนหลายคน โดยพบว่าวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่พบการติดเชื้อ HPV มากที่สุด ดังนั้นการป้องกันที่เริ่มตั้งแต่ก่อนเด็กหญิงเข้าสู่วัยรุ่น จึงเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดจากการศึกษาพบว่า 50-80% ของผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วมีโอกาสติดเชื้อ HPV อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต แม้จะมีคู่นอนเพียงคนเดียวก็มีโอกาสติดเชื้อได้ และแม้ว่า 90% ของผู้หญิงที่ติดเชื้อ HPV แล้ว จะสามารถกําจัดเชื้อได้เอง แต่ก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผู้หญิงคนใดสามารถกําจัดเชื้อร้ายนี้ได้ การป้องกันการติดเชื้อจึงมีความสําคัญมากมะเร็งปากมดลูกสามารถป้องกันได้ 2 วิธีคือ ฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก เมื่อถึงวัย ซึ่งหากตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ในระยะแรกๆ ยังพอที่จะรักษาให้หายขาดได้วัคซีน HPV เป็นวัคซีนที่จะเข้าไปกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อ ปัจจุบัน มี 2 ชนิด ชนิดแรก เป็นวัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ ซึ่งมีการเสริมสารกระตุ้นภูมิรุ่นใหม่ เน้นป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็ง 16, 18 และ HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็งอื่นๆ อีกชนิดเป็นวัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ ใช้ป้องกันมะเร็งปากมดลูก จาก HPV 16, 18 และหูดอวัยวะเพศ จาก HPV 6, 11 บางคนถามว่า ทำไมจึงต้องฉีดวัคซีนนี้ตั้งแต่ยังเด็ก เหตุผลสำคัญคือ มะเร็งปากมดลูกไม่ใช่เรื่องไกลตัวเด็ก แม้ว่าโรคนี้มักพบในผู้หญิงช่วงวัยกลางคนขึ้นไป แต่จากการศึกษาพบว่า ธรรมชาติของการเกิดโรคใช้เวลานาน 10-15 ปี หลังจากผู้หญิงเกิดการติดเชื้อจนพัฒนาไปเป็นมะเร็ง หมายความว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่ได้รับเชื้อตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น เพื่อให้วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุดจึงควรให้วัคซีนก่อนที่เด็กจะได้รับเชื้อ HPV นั่นคือควรให้วัคซีนในช่วงวัยรุ่นตอนต้น หรือก่อนการมีเพศสัมพันธ์นั่นเอง และเนื่องจากเด็กสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าผู้ใหญ่ การฉีดวัคซีนในเด็กหญิงช่วงอายุ 9-14 ปี จึงเป็นโอกาสดี เนื่องจากสามารถให้วัคซีนเพียง 2 เข็มได้ หากอายุมากกว่า 15 ปี ต้องฉีด 3 เข็ม การลดจํานวนเข็มที่ต้องฉีดลงจาก 3 เข็มเหลือ 2 เข็มนี้ มีข้อดีคือ ประหยัดกว่า สะดวกกว่า และเจ็บน้อยกว่าสมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยได้มีคําแนะนําการให้วัคซีน HPV โดยเน้นให้ฉีดวัคซีน HPV ในเด็กหญิงช่วงอายุ 11-12 ปี โดยการฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV มีความปลอดภัยสูง ยังไม่พบอาการข้างเคียงที่รุนแรง ส่วนใหญ่อาการที่พบบ่อยได้แก่ ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีดยา ซึ่งอาการดังกล่าวมักจะดีขึ้นและหายไปภายในเวลาประมาณ 3 วัน.คลิกอ่านคอลัมน์ “สมาร์ทไลฟ์” เพิ่มเติม