เป็นหนึ่งใน ส.ส.นํ้าดียุคบุกเบิกที่คร่ำหวอดมากว่า 2 ทศวรรษ แต่ชีวิตจริงของ “ผึ้ง-ศุภมาส อิศรภักดี” เพิ่งจะค้นพบความสุขแท้จริงจากการได้เป็นแม่คน เมื่อตัดสินใจทํากิฟต์อยู่ 3 ปีเต็ม ทนผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดก็ประสบความสำเร็จได้ “ลูกเทพ” มาเติมเต็มครอบครัวแสนสุขให้ยิ่งอบอุ่นขึ้นหลายเท่าตัว “ผึ้งทุ่มเทให้งานการเมืองมา 20 ปี จบวิศวะ จุฬาฯ และไปทํางานบริษัทในเครือ ปตท.เกือบ 5 ปี จากนั้นวอล์กอินเข้าไปเป็นผู้สมัคร ส.ส. พรรคไทยรักไทย ตอนอายุ 27 โดยไม่รู้จักใครในพรรค และได้รับเลือกเป็น ส.ส.เขตหลักสี่ ตั้งแต่ลงสมัครครั้งแรก ด้วยอายุเพียง 28 ปี กลายเป็นจุดสนใจ ตลอดเวลาสนุกกับการทำงานการเมืองมาก ชีวิตไม่เคยคิดอยากมีลูก แต่พออายุเข้าเลขสี่ ผึ้งเริ่มถามตัวเองว่า เราทํางานการเมืองสำเร็จแล้วทําธุรกิจก็สําเร็จแล้ว ในชีวิตเรายังขาดอะไรอีก ผึ้งได้คําตอบว่าอยากมีลูก!! ตอนนั้นอายุ 42 แล้ว จึงปรึกษา “คุณหมอสมเจตน์” (นพ.สมเจตน์ มณีปาลวิรัตน์ รพ.เจตนิน) ถูกชะตาหมอเพราะทําให้รู้สึกว่าการทํากิฟต์เป็นกระบวนการปกติในชีวิตประจําวัน ไม่ใช่อะไรที่น่ากลัว ผึ้งเริ่มฉีดยาเข็มแรกตอนอายุ 42 และตลอดเวลาเกือบ 40 เดือนที่ทํากิฟต์ ไม่เคยหยุดฉีดยาแม้แต่เดือนเดียว โดยสามี (พ.ต.อ.ล้ำพันธุ์ พรรธนประเทศ) ทําหน้าที่ฉีดหน้าท้องให้ทุกครั้ง กลายเป็นกิจกรรมครอบครัว ครั้งแรกที่เก็บไข่มาผสมกับสเปิร์มก็ติดเลยได้แฝดด้วย พอถึงเดือนที่สามหัวใจลูกหยุดเต้น ผึ้งช็อกเลย!! แต่ก็บอกตัวเองว่าเราจะไม่ยอมแพ้เริ่มกันใหม่ รักษากับหมอมา 3 ปี วนเวียนอยู่กับการกระตุ้นไข่, เก็บไข่, ผสมไข่, ฉีดไข่เข้าท้อง และรอฟังผล 10 วัน รอบหนึ่งใช้เวลาทั้งลูป 1 เดือน เท่ากับเฟลไป 40 ลูป 40 เดือน แต่ผึ้งไม่เคยร้องไห้ คือสตรองมากหมอให้กําลังใจว่าเดือนนี้ไม่ใช่เดือนของเรา เดือนหน้าสู้ใหม่”...คุณแม่สายสตรองเล่าถึงความทุ่มเท มีความสุขขนาดไหนเมื่อรู้ว่าจะได้เป็นแม่คนจริงๆสู้มาตั้งแต่อายุ 42 จน 45 ผึ้งถึงได้ตั้งท้อง!! จําได้ว่าลุ้นมาก ตอนหมอบอกว่าติดแล้วและอุ้มท้องไปได้ถึง 3 เดือน เรายังไม่อยากเชื่อตัวเอง กลัวมากกลัวหัวใจลูกหยุดเต้นกลางทาง ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะสามารถอุ้มท้องมาได้ถึง 9 เดือนเต็มจนคลอด คุณหมอยังชมว่ามีวินัยดูแลตัวเองดีมาก เพราะคิดว่าอย่างเก่งผึ้งคงอุ้มท้องได้ 6 เดือน และคลอดก่อนกําหนด ตอนนั้นนํ้าหนักผึ้งลดจาก 115 กก. เหลือ 107 กก. ก่อนคลอดผึ้งดูแลตัวเองทุกอย่างเพื่อลูก และความที่ผิดหวังมามาก ไม่กล้าคาดหวัง ผึ้งเลยไม่ได้เตรียมของให้ลูกไว้เลย วันที่คลอด “ลูกเทพ” ยังใส่ชุดโรงพยาบาลกลับบ้าน ผ้าอ้อมอะไรไม่มีทั้งนั้น ตอนคลอดเทพไม่ร้อง เราก็ถามหมอว่าเป็นใบ้หรือเปล่า หมอต้องตบจนร้อง เทพตาตี่ๆเราก็ถามหมอว่าลูกชายตาบอดหรือเปล่า คือเป็นโรคจิตกังวลไปหมด ไปบนขอลูกพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์บ้างไหมผึ้งบนขอเจ้าพ่อหน้าโรงพยาบาลเจตนิน อธิษฐานว่าเจ้าพ่อคะถ้าลูกได้ลูกชายและรอดถึง 9 เดือน ลูกจะจัดโต๊ะจีนเลี้ยงคุณหมอและพยาบาลทั้งโรงพยาบาล คิดว่าเจ้าพ่อคงชอบจึงให้เราสมหวัง ทุกคนในเจตนินช่วยกันอธิษฐานใหญ่ เทพมาได้ด้วยแรงอธิษฐานจริงๆ ด้วยความที่เราผิดหวังมาหลายสิบครั้ง ผึ้งยังแก้เคล็ดโดยรับอุปการะ “ชู่” มาจากอินเดีย น้องชู่เป็นดาราเด็กที่เล่นซีรีส์หนุมาน สงครามมหาเทพ “พี่ล้ำ” เองก็ถูกชะตามากบอกให้รับอุปถัมภ์มาอยู่เมืองไทย ทุกวันนี้ “ชู่” ช่วยดูแลเทพ และเป็นเพื่อนพ่อทํากิจกรรม ได้ยินมาว่าดูฤกษ์ผ่าคลอดด้วยเราได้ฤกษ์มา 3 ฤกษ์ คือ ฤกษ์แรกเป็นคนรวยมีชื่อเสียงโด่งดัง อาจได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรี, ฤกษ์ที่สองเป็นคนธรรมดาพอมีพอกินแต่มีความสุข และฤกษ์ที่สามเป็นนักบุญ ผึ้งกับพี่ล้ำเลือกฤกษ์ที่สอง เพราะอยากให้ลูกเป็นคนธรรมดาที่มีความสุข กว่าจะได้ลูกเทพต้องทุ่มเทหนักมาก กังวลกับการเลี้ยงลูกไหมผึ้งไม่เคยอุ้มเทพเลยตอนก่อน 6 เดือน เพราะกลัวลูกคอหัก ไม่กล้าอาบนํ้าแปรงฟันให้ลูก แต่คุณพ่อ และพี่ชู่ช่วยดูแลทุกอย่าง ยอมรับว่ากลัวลูกเจ็บ ทุกวันนี้เทพอายุ 3 ขวบแล้ว วิ่งซนเป็นลิง พลังเยอะมาก ถ้าถามว่าอยากให้ลูกเป็นอะไรผึ้งกับพี่ล้ำอยากให้ลูกเป็นครู อยากให้ทําอาชีพที่มีเกียรติ ไม่มีศัตรู มีแต่คนเคารพนับถือยกมือไหว้ เทพเป็นเด็กเดินช้าพูดช้าคลานช้ากินข้าวช้าก็จริง แต่อยากฝาก พ่อแม่ทุกคนว่าคงจําได้ว่าตอนที่เราท้อง สิ่งเดียวที่เราสวดมนต์อธิษฐานคือขอให้ลูกเกิดมาสมบูรณ์ครบ 32 แค่นี้จริงๆ ส่วนชีวิตที่เหลือคือโบนัสแล้ว บ้านเราเลี้ยงลูกโดยให้ธรรมชาติเป็นคนเลี้ยง เน้นให้ลูกได้มีประสบการณ์ชีวิต ช่วง 2-4 ขวบ จึงพาลูกไปเที่ยวธรรมชาติเยอะ ให้เขาได้ใกล้ชิดธรรมชาติ เทพไม่รู้จัก ABC แต่รู้จักหอยเม่นรู้จักปลิงทะเล ลูกไม่กลัวขี่ช้างและนั่งเรือคยัค ลูกไม่กลัวให้อาหารยีราฟใกล้ๆ กิ้งก่าจิ้งเหลนรู้จักหมดผึ้งไม่รู้หรอกว่าเทพจะเรียนหนังสือเก่งไหม แต่เราไม่ฟอร์ซ เราพาไปเรียนทุกอย่างที่เป็นทักษะชีวิต เรียนเต้น, ตีกอล์ฟ, ทําอาหาร เน้นฝึกอีคิว ส่วนด้านวิชาการเป็นหน้าที่ของครูไม่เคยคาดหวังว่าลูกต้องเรียนเก่ง เพราะลูกยังไม่เคยคาดหวังว่าต้องเกิดมาในบ้านที่พ่อแม่ร่ำรวยสมบูรณ์พร้อม มันคงไม่แฟร์ถ้าจะไปคาดหวังอะไรจากลูก อะไรคือแรงใจสําคัญที่ทําให้ “ส.ส.ผึ้ง” มาไกลขนาดนี้ต้องขอบคุณสามีที่คอยเป็นกุนซือวางกลยุทธ์ให้ทุกอย่าง เขาคือมันสมองตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังความสําเร็จของชีวิตผึ้ง เป็นทั้งเพื่อน, พี่, สามีที่ดีที่สุด และพ่อที่ดีที่สุดของครอบครัว เรารักกันตั้งแต่เรียนหนังสือ เจอกันครั้งแรกในผับแถวมาบุญครอง เขามาขอเบอร์และโทร.จีบตลอด ตอนนั้นเขาเป็นนักเรียนนายร้อยตํารวจ ผึ้งขอบคุณพี่ล้ำที่ยอมถอยให้เรา และบริหารความรู้สึกของตัวเองได้ในการให้เกียรติเรา ยอมเป็นฝ่ายสนับสนุนเราให้ได้ทํางานการเมืองที่รัก แต่ถ้าอยู่ในบ้านเขาคือหัวหน้าครอบครัวตัวจริง เราทั้งคู่โชคดีที่เติบโตมาด้วยกัน เรียนรู้ชีวิตและความผิดพลาดมาด้วยกัน พี่ล้ำเสียสละทุกอย่าง มีเมียเป็น ส.ส.ต้องยอมรับว่า ไม่ราบรื่นหรอก ไม่มีเวลาให้ครอบครัว ชีวิตหายไปเลยเป็นสิบๆปี เขาอดทนทุกอย่าง เป็นลมใต้ปีกที่คอยซัพพอร์ตทุกอย่างจริงๆ เป็นคนเก่งและมีวิสัยทัศน์มาก ทําทุกอย่างเพื่อให้ลูกเมียสบาย กว่าจะสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ล้มลุกคลุกคลานกันมาขนาดไหนช่วงลําบากที่สุดคือช่วงที่เกิดรัฐประหาร เมื่อปี 2549 ตอนนั้นผึ้งมีลูกน้องต้องดูแล 30-40 คน จึงต้องทําทุกอย่างเพื่อให้มีรายได้หล่อเลี้ยงทุกคน เริ่มจากไปหาเช่าแผงหนังสือริมถนน ปากซอยลาดพร้าว 64 และไปซื้อผลไม้ดองจาก สะพานขาว เราช่วยกันเสียบไม้ใส่ถุงให้ลูกน้องไปเร่ขาย ผึ้งเปิดร้านอาหารให้ลูกน้องดูแล และเปิดโรงงานรับซื้อขยะรีไซเคิล ธุรกิจรับซื้อขยะเป็นอะไรที่มัน สุดแล้วทั้งถูกโกงถูกหลอกสารพัด แต่เราสองคนยอมทําทุกอย่างเพื่อให้ลูกน้องมีอาชีพ สุดท้ายลงตัวที่การเปิดธุรกิจรับผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดธรรมชาติ “ดีโอดี ไบโอเทค” อันนี้เป็นไอเดียของพี่ล้ำ โดยเน้นสตาร์มาร์เกตติ้งจับมือกับดาราศิลปินดังๆ ทําให้ประสบความสําเร็จอย่างสูง และสามารถนําเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมื่อปี 2561 เราสองคนสู้งานทุกอย่าง อะไรที่ทําแล้วได้สตางค์ก็ทําหมดไม่เคยเกี่ยงงาน จากวิกฤติจึงพลิกเป็นโอกาส ชีวิตลงตัวแทบทุกอย่าง ยังมีอะไรน่าห่วงอีกไหมเมื่อเดือน เม.ย.ปีที่แล้ว ผึ้งตรวจเจอมะเร็งเต้านม วูบแรกบอกตัวเองว่าเราต้องรอด!! ผ่าตัดเสร็จขอหมอกลับบ้านเลย กลัวลูกตื่นมาร้องไห้ไม่เจอแม่ หมอห้ามผึ้งอุ้มลูกอยู่ 7 เดือน แต่เราไม่เคยมีน้ำตาสักหยด ลูกคือแรงฮึดทําให้ต้องสู้ ผึ้งลุกขึ้นมาลดนํ้าหนัก 20 กก. อยากฟื้นตัวกลับมาแข็งแรง และวิ่งเล่นกับลูกได้เหมือนแม่วัยรุ่น อยากอยู่ดูแลลูกให้นานที่สุด อย่างน้อยจนเขาโตพออยู่เองได้โดยไม่มีพ่อแม่ ผึ้งเป็นคนมีความอดทนสูงไม่ดราม่า และไม่เคยยอมแพ้กับอะไรทั้งนั้น แต่ใจเสาะเรื่องลูกนี่แหละ แค่ลูกไอแม่ใจจะขาดแล้ว ลองวาดภาพตัวเองในอีก 10 ปีข้างหน้า?ผึ้งอยากทํางานรับใช้ประชาชนไปตลอด เราคงอยู่กับอาชีพการเมืองจนลมหายใจสุดท้าย เวลาพี่ป้าน้าอาเจ็บป่วย เห็นเราไปเยี่ยมก็นํ้าหูนํ้าตาไหลดีใจ เพราะผูกพันรู้จักกันมานาน เราสัมผัสได้จริงๆว่าเขารักเรา เป็นความรู้สึกที่เงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ ทุกครั้งที่ลงพื้นที่คือเราลงไปรับพลังบวกและความรักจากพวกเขา ถึงทุกวันนี้ผึ้งจะไม่ได้เป็น ส.ส.เขตหลักสี่ แต่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย แต่ยังกลับไปหาพวกเขาอยู่ ต้องบอกว่ามี ส.ส.ผึ้งทุกวันนี้ได้ ก็เพราะการสนับสนุนของพี่น้องชาวหลักสี่ ความสุขของผึ้งคือได้ทําให้คนอื่นมีความสุข ผึ้งเชื่อว่ายิ่งให้เรายิ่งได้กลับมา. ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ