แฟนานุแฟนคอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล โดยทีมงานนิตยสารต่วย’ตูน คงคุ้นหูกับคำว่าไซเรน หรือเรียกกันง่ายๆว่าเสียงรถหวอ แต่ไซเรน (Siren) ที่จะเล่าวันนี้เป็นสัตว์พิสดารอีกตัวหนึ่งจากตำนานกรีกครับ และเป็นตัวอันตรายที่ไม่มีใครอยากพบเจอ ว่ากันตามรูปร่าง ไซเรนคือสิ่งมีชีวิตครึ่งนกครึ่งคน ตัวเป็นนกขนาดใหญ่หัวเป็นหญิงสาว ทั้งตัวเต็มไปด้วยขนนกและมีกรงเล็บน่ากลัวสำหรับขยุ้มเหยื่อ (ไซเรนยังมีเวอร์ชันที่เป็นหญิงสาวขาเป็นนกและไม่มีปีก และบางเวอร์ชันก็มีแขนเล่นพิณหรือพิณไลร์)กล่าวกันว่า พวกไซเรนอาศัยอยู่บนเกาะหินเล็กๆสามเกาะซึ่งชาวโรมันเรียกว่า Sirenum scopuli ที่นี่นับเป็นที่ที่น่าสยดสยอง เพราะเต็มไปด้วยกองกระดูกจำนวนมากพร้อมเนื้อของเหยื่อที่ยังคงเน่าเปื่อยจากศพ...ล้อมรอบเหล่านางไซเรนฟังแล้วผู้อ่านอาจจะบอกว่าเหมือนตัวฮาร์ปีแน่ ครับ คล้ายทีเดียว กระนั้นก็มีความแตกต่างแน่นอน เพราะว่าไซเรนเป็นสัตว์ในตำนานที่สวยงามในขณะที่ฮาร์ปีน่าเกลียด ฮาร์ปีทำหน้าที่ลงโทษผู้คนที่ได้รับคำสั่งมา และเป็นสัตว์ล่าของเทพเจ้า เรียกกันว่านักล่าแห่งซูส (Hounds of Zeus) ส่วนไซเรนนั้นแตกต่างไซเรนมีพลังวิเศษ...พลังนั้นคือพลังเสียง เป็นเสียงหวานๆเสียด้วย ทว่าเป็นอันตรายถึงตาย ภาพไซเรนบนชามของชาวกรีกเมื่อ 400 ปีก่อน ค.ศ.เสียงหวานทรงพลังของนางไซเรนมีไว้เพื่อล่อลวงผู้คนโดยเฉพาะกะลาสีเรือ ให้ไปยังเกาะที่พวกนางอยู่ และไปสู่ความตาย ในตำนานการผจญภัยของกรีกนั้น ไซเรนถือว่าเป็นอันตรายเสียยิ่งกว่าซิลลาและคาริบดีส อสุรกายแห่งห้วงน้ำที่เคยเล่าไปไม่นานนี้เมื่อใดที่มีเรือผ่านเข้าไปใกล้แถบถิ่นของพวกนาง ไซเรนจะส่งเสียงเพลงหวานล่อลวงลูกเรือให้เหล่ากะลาสีหลงใหลถึงขั้นกระโดดทะเลลงมาหา และหากกะลาสีนั้นว่ายไปถึงเกาะที่นางอยู่ ชะตาก็ขาด ต้องโดนเหล่านางไซเรนรุมทึ้งกินเนื้อ บางทีกะลาสีทั้งลำซึ่งหลงเสียงนาง อาจพาเรือเข้าใกล้แนวหินโสโครกบริเวณเกาะที่พวกนางอยู่ ในที่สุดเรือก็แตกเพราะชนกับหินแถวนั้น ไซเรนก็จะเลือกกินเหยื่อได้ง่าย กะลาสีทั้งหมดก็ตกที่นั่งเดียวกันคือตายหมด ในตำนานบางเรื่องก็ว่า ไซเรนจะกล่อมลูกเรือให้หลับ แล้วพวกนางจะบินขึ้นเรือไปฉีกเนื้อพวกนั้นกินเป็นอาหาร รวมความแล้วก็ตายทั้งสิ้นละครับว่ากัน (ตามปากของเพลโต...ซึ่งโพรคลัส นักปราชญ์กรีกยุคนีโอพลาโตนิกเป็นคนเล่าอีกต่อหนึ่ง) ว่าไซเรนมีสามชนิดคือ ไซเรนสวรรค์ (the celestial), ไซเรนโดยกำเนิด (the generative) และไซเรนนรก หรือไซเรนพวกไถ่บาป (the purificatory) ไซเรนสวรรค์อยู่ใต้การปกครองของซูส จอมเทพแห่งสวรรค์ พวกที่สองไซเรนโดยกำเนิดอยู่ภายใต้บังคับของโพไซดอน จอมเทพแห่งห้วงสมุทร และพวกที่สามไซเรนพวกไถ่บาป หรือเรียกง่ายๆว่า ไซเรนนรกอยู่ใต้การปกครองของเฮเดส จอมเทพแห่งนรกภูมิ โอดิสซิอัสและไซเรน ภาพโมเสกของโรมัน สมัยศตวรรษที่ 2.ไซเรนสวรรค์เมื่อออกทำการ จะค้นหาวิญญาณที่อยู่ในสวรรค์เพื่อรวมวิญญาณนั้นเข้ากับชีวิตอันศักดิ์สิทธิ์แห่งสวรรค์ด้วยการเคลื่อนไหวอันนุ่มนวลประสานกัน พวกไซเรนนรกก็จะตามติดวิญญาณที่มาใหม่ให้เข้าสู่การปกครองชั่วนิรันดร์แห่งแดนนรกภูมิ ส่วนไซเรนบนพื้นพิภพมีหน้าที่เพียงอย่างเดียวคือ “สืบรุ่น” ซึ่งมีทะเลเป็นสัญลักษณ์ (ฟังดูแล้วคล้ายกับจะมีไซเรนตัวผู้ยังไงยังงั้น ทั้งๆที่อ่านไปอ่านมา ไซเรนนั้นก็ตายจากโลกนี้ไปแล้ว) การกำเนิดของเหล่าไซเรนไม่แน่ชัดนักครับ ต่างคนต่างเขียน ซึ่งแน่นอนว่ามันก็ย่อมแตกต่างแล้วแต่มาจากแหล่งไหน ส่วนหนึ่งว่า ไซเรนเป็นกลุ่มธิดาของโฟคีส (Phorcys เทพแห่งทะเลในยุคแรก) อีกพวกหนึ่งระบุว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของเทอร์ชิโช Terpsichore (หนึ่งในเก้าของนางมิวส์) แถมบางที่ก็ว่าพวกนางเป็นลูกสาวของเทพเจ้าแห่งแม่น้ำอคีลอส (Achelous) และนางมิวส์ (Muse หรือสเตโรพี Sterope หนึ่งในคณานางพลีอาดีส Pleiades)แต่ไซเรนยังมีกำเนิดแตกต่างออกไปกว่านี้อีก ตรงที่มันมาจากการเปลี่ยนร่างจากเทพีชั้นรองธรรมดากลายเป็นสัตว์ครึ่งคนครึ่งนกไปเลย และนั่นก็เกี่ยวข้องกับตำนานการลักพาตัวเพอร์เซโฟนี ซึ่งก็ไม่แน่นอนอีกนั่นแหละว่าเอาไงแน่สำนวนหนึ่งกล่าวว่า ไซเรนเป็นสหาย (หรืออาจเป็นสาวใช้) ของเพอร์เซโฟนีลูกสาวของซูสและดีมีเทอร์ คราวที่เพอร์เซโฟนีถูกเฮดีสลักพาตัว ดีมีเทอร์ผู้เป็นมารดาเที่ยวตามหาไม่พบ เจอแต่เหล่านางไซเรนกำลังคร่ำครวญเศร้าโศก นางเหล่านี้เมื่อพบดีมีเทอร์ก็รายงานและร้องขอให้เทพีช่วยเสกปีกให้เพื่อให้พวกเขาสามารถค้นหาเพอร์เซโฟนีผู้เป็นที่รักได้สะดวกขึ้น ดีมีเทอร์ก็อวยตามนั้น...ผมว่านางอาจมัวแต่เสียใจเลยร่ายเวทเกินก็ได้ครับ จึงแทนที่จะมีปีกเติมเข้ามา นางไซเรนเลยเปลี่ยนเป็นนกไปเกินครึ่ง เหลือแต่หัว ไซเรนแข่งร้องเพลงแพ้มิวส์ จึงถูกจับถอนขน.ที่ยังเป็นหญิงสาวอยู่...หรือว่าด้วยรูปร่างที่เกินกว่าการมีปีกอย่างเดียวอาจจะลงรอยกับตำนานเปลี่ยนร่างอีกสำนวนหนึ่งก็ได้ สำนวนนั้นเล่าว่า การที่นางไซเรนกลายร่างเป็นครึ่งหญิงสาวครึ่งนก เป็นผลจากการลงโทษของดีมีเทอร์ต่างหาก เทพีพิโรธที่ไซเรนไม่สามารถป้องกันการลักพาตัวเพอร์เซโฟนีไว้ได้ไซเรนปรากฏตัวเกี่ยวข้องกับการผจญภัยของวีรบุรุษกรีกอยู่หลายคราวเลยครับ เรื่องที่โด่งดังที่สุดเกี่ยวกับไซเรนมาจากตำนาน “โอดิสซี (The Odyssey)” ของโฮเมอร์ เรื่องเล่าว่า เมื่อโอดิสซิอัสเสร็จศึกและกลับอิทาคาบ้านเกิด ปรากฏว่ากระแสลมพัดเรือของเขาออกนอกเส้นทางและพาไปผจญภัยอีกหลายอย่างและหลายปี หนึ่งในการผจญภัยคือการได้ไปอยู่กับนางแม่มดเซอร์ชีอยู่หลายปี กระทั่งถึงเวลาจากกัน เซอร์ชีก็ทำนายไว้ว่า เขาจะต้องเจออะไรระหว่างทาง“สิ่งแรกที่ท่านจะต้องผ่านก็คือตำแหน่งที่เหล่านางไซเรนอยู่” เซอร์ชีเตือน “เมื่อพวกนางเห็นเรือของท่าน นางก็จะส่งเสียงร้องเพลง เสียงนั้นจะหวานยิ่งนัก...แต่ใครก็ตามที่หลงใหลจนพาเรือเข้าใกล้ ลูกเมียจะไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลย เพราะผู้ชายพวกนั้นจะลงจากเรือไปเพลินฟังเสียงนางนกอยู่บนสนามหญ้าเขียว จึงย่อมเป็นเหยื่อเคี้ยวง่ายแก่นางไซเรนทางเดียวที่จะผ่านนางไซเรนไปได้คือไม่ฟังเสียงเพลงของนาง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด” โอดิสซิอัสและไซเรน วาดโดย จอห์น วิลเลียม วอเตอร์เฮาส์.โอดิสซิอัสฟังคำเตือนนั้นก็เตรียมตัวเผชิญภัย ครั้นเรือของเขาแล่นผ่านที่อยู่ของคณานางไซเรน เขาก็สั่งให้คนของเขาเอาขี้ผึ้งมาอุดหูเพื่อไม่ให้ได้ยินเสียงเพลง แต่โอดิสซิอัสอยากรู้ว่าเพลงนั้นหวานแหววเพียงใด จึงสั่งให้ลูกเรือมัดเขาไว้กับเสากระโดงเรือ เมื่อผ่านไปถึงที่ และนางไซเรนเริ่มร้องเพลงเสียงนั้นเร้าโอดิสซิอัสให้กระวนกระวายร้อนรนอยากเข้าไปหา ถึงขนาดที่เขาสั่งให้คนแก้มัด แต่ลูกเรือ (ซึ่งไม่ได้ยินเสียงเพลงไปด้วย) รับรู้ฤทธิ์เสียแล้วจึงยิ่งมัดนายให้แน่นเข้ารอจนกว่าเสียงนางไซเรนจางหายและโอดิสซิอัสได้สติ จึงปล่อยตัวเขาโฮเมอร์เคยกล่าวไว้ว่า ไซเรนมีอยู่สองตัว แต่ตำนานอื่นๆเล่าว่ามีอยู่ระหว่าง 2-5 ตัว เพลงของพวกเขาทั้งเศร้าและสวยงาม เป็นเพลงที่เรียกหาเพอร์เซโฟนีขอให้เธอกลับมา ผู้ที่ได้ยินเพลงไม่สามารถต้านทานความใฝ่หา และจะถูกชักนำไปยังที่อยู่ของไซเรน ซึ่งแน่นอนว่าเขาเหล่านั้นย่อมจบลงด้วยความตายเรื่องการเกี่ยวข้องของไซเรนอีกเรื่องหนึ่ง ปรากฏอยู่ในเรื่องการผจญภัยของเจสันและลูกเรืออาร์โก เรื่องราวคราวนั้นก็คล้ายกับเรื่องการเดินทางเข้าใกล้ถิ่นของนางไซเรน เจสันและลูกเรืออาร์โกก็ตกชะตาเดียวกันคือต้องแล่นเรือผ่านไซเรนในการเดินทางของเขา แต่ก็เช่นเดียวกับโอดิสซิอัสเขาได้รับคำเตือนจากไครอนผู้เป็นครู ซึ่งแนะนำให้เจสันนำออฟีอัส นักดนตรี กวีและประกาศกไปพร้อมกับลูกเรือของเขา แจกันน้ำหอมสมัย 540 ปีก่อน ค.ศ. เป็นรูปไซเรน.เสียงของนางไซเรนยังผลแก่บรรดา มนุษย์ กระนั้นเสียงนางก็ไม่อาจสู้เสียงดนตรีชั้นเทพ เช่น เสียงพิณของออฟีอัส ดังนั้นเมื่อออฟีอัสได้ยินเสียงนางไซเรน เขาก็เริ่มเล่นดนตรีของตน เพลงพิณนั้นไพเราะกว่าเพลงของไซเรน ทั้งดังกว่าและหวานกว่าจนกลบเสียงนางไซเรนสนิท ลูกเรืออาร์โกจึงปลอดภัยกันถ้วนหน้ายกเว้นเพียงคนเดียว...บูทิสแห่งเอเธนส์ซึ่งหูทิพย์ มีความสามารถในการได้ยินระยะไกลยอดเยี่ยม จึงยังได้ยินเสียงของไซเรน บูทิสหลงเสียงถึงกับกระโดดลงน้ำว่ายไปหา เคราะห์ดีที่อโฟรไดท์ช่วยเอาไว้ได้ และพาเขาไปสู่ความปลอดภัยและกลายเป็นชู้รักของนาง จนให้กำเนิดบุตรนามอีริกซ์หลังจากโฮเมอร์เล่าถึงสัตว์มหัศจรรย์แห่งห้วงน้ำเหล่านี้ไว้แล้ว ยังมีนักเขียนบางคนเล่าเรื่องของไซเรนต่อไว้อีกว่า หากไซเรนทำภารกิจไม่สำเร็จ นั่นคือหากมีใครรอดน้ำมือนางไปจนเล็ดลอดออกไปเล่าเรื่องได้ พวกนางก็มีชะตาที่ต้องตาย เช่น ตอนที่โอดิสซิอัสสามารถหนีรอดทั้งที่ได้ยินเสียงไซเรน พวกนางก็ต้องบินขึ้นสูงแล้วดิ่งปักหัวลงทะเลฆ่าตัวตายไม่มากวนมนุษย์อีก (เหมือนตำนานตัวสฟิงซ์เลยครับ แถมไซเรนยังตายได้อีกก็ตอนที่เจสันและลูกเรืออาร์โกผ่านนางไซเรนไปได้ เป็นการตายหลายหน ตายซํ้าตายซ้อนจริงๆ)ส่วนเรื่องความตายของนางไซเรนอีกแบบหนึ่งมาจากเฮรา ราชินีแห่งเทพเจ้า สั่งให้นางไซเรนมาแข่งขันร้องเพลงกับเหล่านางมิวส์ ปรากฏว่านางมิวส์ชนะไซเรน จากนั้นพวกนางก็ถอนขนไซเรนเอามาทำมงกุฎประดับศีรษะเป็นการเยาะเย้ย เหล่าไซเรนอับอายเสียจนกลายเป็นสีขาวแล้วตกลงไปในน้ำ พวกนางแต่ละคนก็กลายเป็นเกาะสีขาวตั้งแต่บัดนั้น รูปสลักหินอ่อนยุคก่อนคริสตกาล นางไซเรนกำลังเล่นพิณ.ท่านผู้อ่านไม่ต้องสงสัยหรอกครับว่า เสียง “ไซเรน” ที่ดังมาจากรถพยาบาลด่วนพิเศษ ก็มาจากชื่อนางไซเรนพวกนี้แหละ เพราะฝรั่งช่างตั้งชื่อเอาไปเทียบกับสถานการณ์ยากเกินจัดการ ซึ่งอาจจบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก.โดย : คอสมอสทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน