องค์พญานาคเกล็ดสีปีกแมลงทับลวดลายวิจิตรบรรจง นอนขดตัวเป็นวง ชูลำคอสูงสง่าหันไปทางแม่น้ำโขงเบื้องล่าง ได้ชื่อว่าเป็นรูปปั้นพญานาคที่ใหญ่และงดงามที่สุดในประเทศไทย ที่นอกจากจะเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของจังหวัดมุกดาหารแล้ว ยังเป็นจุดเช็กอินที่กำลังขึ้นชาร์ตอันดับต้นๆของเมืองรอง ริมแม่น้ำโขงในภาคอีสานแน่นอนเรากำลังพูดถึง วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ตำบลนาสีนวน อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหารใครที่มาเที่ยวมุกดาหารแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปเช็กอินที่นี่ ถือว่ามาไม่ถึง ยิ่งถ้าได้เดินอธิษฐานลอดใต้ลำตัวขององค์พญานาคที่ขดเป็นวงจนครบ 9 วง ตลอดความยาวของลำตัวที่ยาวถึง 122 เมตร ว่ากันว่าส่วนใหญ่เมื่อกลับไปแล้วก็มักจะได้รับแต่สิ่งดีๆ รวมถึงลาภจากการเสี่ยงโชคด้วย หลังเปิดตัวมาได้ไม่ถึงปี ปู่ศรีมุกดา หรือ องค์พญานาคศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช ก็เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะเมื่อเพจเฟซบุ๊กของ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ เผยแพร่ภาพองค์พญานาคมุมสูงที่มองเห็นพญานาคตลอดทั้งตนขดเป็นเกลียวคลื่นสีเขียวอมฟ้า สะท้อนกับเงาในแม่น้ำโขง ดูยิ่งใหญ่ อลังการ ก็ทำให้บรรดานักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะพี่น้องจากแขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว ต่างพากันเดินทางมากราบไหว้ ขอพร ขอโชคลาภกันอย่างไม่ขาดสายนอกจากองค์พญานาคแล้ว ที่ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ยังเป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวย งาม โดยเฉพาะช่วงเย็นๆสามารถมองเห็น สะพานข้ามมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่สอง หอแก้วมุกดาหาร และลำน้ำโขงที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา เป็นจุดสุดแดนประเทศไทยด้านจังหวัดมุกดาหาร ภายในวัดมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่สีขาวตั้งอยู่บนเนินเขา เมื่อมองลอดลำตัวของพญานาคจะมองเห็น พระเจ้าใหญ่แก้วมุกดา-ศรีไตรรัตน์ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวตั้งตระหง่าน ขนาดหน้าตักกว้างถึง 39.99 เมตร สูง 59.99 เมตร แต่ถ้าวัดความสูงจากฐานถึงยอดเศียรจะได้ความสูงราวๆ 84 เมตร เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล อดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9หลังกราบสักการะขอพรพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์และองค์พญานาคแล้ว 3 สาวก็เดินเล่นเรื่อยๆในบริเวณวัด เลยได้รู้ว่า ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ทั้งองค์ พระธาตุภูมโนรมย์, พระอังคารเพ็ญ และ รอยพระพุทธบาทจำลอง เรียกว่ามาที่เดียว ได้กราบไหว้ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ครบถ้วน แดดเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆเหมือนเตือนว่า ใกล้เที่ยงแล้ว ควรหาอะไรใส่ท้องให้อิ่ม คุณป้าอาปาเช่ สาวเมืองโอ่งที่ย้ายมาตั้งรกรากอยู่อุบลฯ เกิดอยากลองลิ้มชิมรสก๋วยเตี๋ยวเรือรสเด็ดของมุกดาหาร แน่นอน ต้องร้าน ก๋วยเตี๋ยวอิ่มเอม ก๋วยเตี๋ยวชามยักษ์ให้เยอะ มีให้เลือกทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวหมู สูตรลับของร้านน่าจะอยู่ที่การใส่กะปิในน้ำซุปทำให้มีกลิ่นหอมมากขึ้น สำหรับคนชอบกะปิ แต่ถ้าคนไม่ชอบก็อาจจะรู้สึกว่า กลิ่นแรงไปสักนิดบ่นไปกินไปจนอิ่มแปล้...ก็ได้เวลาไปต่อ ร้านอยู่ใกล้ หอแก้วมุกดาหาร อีกหนึ่งแลนด์มาร์กของเมือง นอกจากเป็นหอสูงที่ทำให้มองเห็นภาพมุกดาหารทั้งเมืองแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการ เครื่องมือเครื่องใช้ในวิถีชีวิตชาวมุกดาหาร บนชั้นสองของหอแก้ว เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าถึงการอพยพมาตั้งถิ่นฐานและสร้างเมือง มีวัตถุโบราณและภาพเก่าจัดแสดงให้ชม รวมถึงเครื่องแต่งกายของชาวไทย 8 เผ่า เช่น ภูไท ไทยกะโซ่ ไทยญ้อ ไทยกะเลิง ฯลฯ ที่หลอมรวมเป็นชาวมุกดาหาร ถ้าอยากจะมองเห็นวิว 360 องศายาวไปจนถึงสะหวันนะเขตของลาว แนะนำให้ขึ้นไปบนชั้น 6 นอกจากมองด้วยตาเปล่าๆแล้ว ยังมีกล้องส่องทางไกลสำหรับคนที่อยากจะเบิ่งกันให้ชัดๆ ส่วนชั้น 7 ประดิษฐานพระพุทธนวมิ่งมงคลมุกดาหาร และพระประจำวันเกิดให้ได้สักการะเป็นสิริมงคล ทั้งหมดทั้งมวลนี้ คิดค่าขึ้นชมหอแก้วเพียง 20 บาทเท่านั้น ลงจากหอแก้ว แน่นอนขาช็อปไม่ควรพลาดตลาดอินโดจีน ที่มีข้าวของเครื่องใช้ ทั้งเครื่องมือช่าง อุปกรณ์สนาม ประดับยนต์ รองเท้า กระเป๋า เสื้อผ้า ขนม ของฝาก ให้เลือกซื้อได้หลากหลาย และคงเพราะหลากหลายเกินไป เอาเข้าจริงๆคนที่ตั้งใจไปซื้อไม่ได้อะไร คนไม่ตั้งใจกลับได้ถือกลับมาคนละถุงสองถุงคืนนี้พวกเราจองโรงแรมแบบ Budget Hotel นอนสบายไม่แพ้โรงแรม 2-3 ดาว และเพราะเป็นโรงแรมแบบเชนโฮเต็ล มาตรฐานการบริการจึงไม่น่ากังวล แค่ไม่มีอาหารเช้าหรือล็อบบี้กว้างขวางให้นั่งเอ้อระเหยเท่านั้นเช็กเอาต์จากโรงแรมแต่เช้า ออกไปหาอาหารการกินซึ่งมีไม่มาก หลักๆเป็นข้าวเปียก หรือกวยจั๊บยวน กับขนมปัง บาร์แก็ต ซึ่งที่นี่เรียกว่า ปะเต...มีทั้งแบบใส่ไส้ตับบดหรือหมูสับและเป็นขนมปังปิ้งแบบกรอบๆหอมๆ กินกับกาแฟโบราณ เข้ากั๊น...เข้ากัน จุดหมายของเราวันนี้อยู่ที่ บ้านสองคอน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ โบสถ์คริสต์วัดสองคอน หรือ สักการสถานพระมารดาแห่งมรณ-สักขีวัดสองคอน ที่ถือว่าเป็น Unseen Thailand ในฐานะโบสถ์คริสต์นิกาย โรมัน คาทอลิก ที่ได้ชื่อว่าสวยและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นที่มาของเรื่องราวโศกนาฏกรรมของบุญราศีทั้ง 7 คน ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อพิสูจน์ศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า เมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดอย่างเด็ดขาดเมื่อมามุกดาหาร นอกจากตัวโบสถ์ที่ดูเคร่งขรึมใหญ่โตแล้ว ภายในยังมีโลงแก้วบรรจุหุ่นขี้ผึ้งของบุญราศีทั้ง 7 ไว้ให้สักการบูชา มีไม้กางเขน 7 แท่งด้านหน้าแทนบุญราศีทั้ง 7 ส่วนอัฐิของทั้งหมดถูกฝังไว้ที่ด้านหลังของโบสถ์ ก่อนกลับแวะจิบกาแฟขมแกล้มขนมหวานๆกันที่ร้าน Good Mook ร้านกาแฟน้องใหม่ในตัวเมืองมุกดาหาร กาแฟขมหอม ในบรรยากาศชิกๆ เติมไฟให้ชีวิตก่อนกลับมารับภาระงานหนักในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่...อยากได้อารมณ์ชิล ทั้งสุขและสนุก ต้องไป ...มุกดาหาร แล้วจะรู้ว่าชีวิตช้าๆเป็นยังไง.....!!!