มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี เชิญ ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย บรรยาย ‘ภาวะผู้นำกับทัศนคติการพัฒนาเมืองแห่งอนาคต’ 13.00-16.00 น. วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2025 ที่โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ1.องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติ (WMO) ที่เป็นศูนย์ข้อมูลสภาพอากาศระดับโลก ที่รวบรวมข้อมูลพายุ ฝนหนัก และคลื่นความร้อน 2.คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ซึ่งเป็นองค์กรทางวิทยาศาสตร์ของสหประชาชาติที่มีนักวิทยาศาสตร์หลายพันคนทำหน้าที่ออกรายงานสำคัญที่สุดด้านภาวะโลกร้อน 3.องค์การบริหารการบินและอวกาศสหรัฐฯที่มีโครงการศึกษาสภาพอากาศโดยตรงและมีดาวเทียมวัดอุณหภูมิโลก น้ำทะเล และพายุ4.สำนักงานมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งสหรัฐอเมริกา (NOAA) ซึ่งเป็นหน่วยงานเก็บฐานข้อมูลสภาพอากาศยาวนานที่สุดในโลก 5.โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาติ (UNEP) 6.สำนักงานลดความเสี่ยงภัยพิบัติแห่งสหประชาชาติ (UNDRR) ทำหน้าที่ติดตามความถี่และความรุนแรงของภัยพิบัติทั่วโลก และเป็นผู้ทำรายงาน GAR ที่ประเมินความเสี่ยงภัยพิบัติของโลกที่ครอบคลุมที่สุด และตีพิมพ์ทุก 2-3 ปีโดยสหประชาชาติ7.ศูนย์พยากรณ์อากาศยุโรประยะกลาง (ECMWF) หน่วยงานที่แม่นโลกด้านแบบจำลองสภาพอากาศ ที่เป็นฐานข้อมูลให้หลายประเทศใช้เตือนภัย 8.กรมอุตุนิยมวิทยาอังกฤษ ซึ่งทำวิจัยด้านสภาพอากาศสุดขั้ว ที่ศึกษาเหตุการณ์ที่รุนแรงผิดปกติ เช่น ฝนตกหนักแบบเฉียบพลัน คลื่นความร้อน พายุหมุนเขตร้อน น้ำท่วมฉับพลัน ความแห้งแล้งขั้นรุนแรง หิมะตกหนักผิดปกติ และพายุลมแรง1+8 และองค์กรระดับนานาชาติอีกหลายแห่งทั่วโลกรายงานตรงกันว่า ภาวะโลกร้อนทำให้โลกสะสมพลังงานเพิ่มขึ้น ทำให้อากาศอุ่นขึ้น อุ้มไอน้ำได้มากขึ้น ทำให้ฝนตกแรงและหนักขึ้น ปริมาณน้ำในพายุเพิ่ม คลื่นพายุชายฝั่งสูงขึ้น มีพายุหมุนรุนแรงขึ้น จะมีสภาพอากาศสุดขั้วเกิดถี่ขึ้น ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้น และน้ำจะท่วมชายฝั่งมากขึ้นหลายประเทศจึงป้องกันและเตรียมรับมือภัยพิบัติทั่วโลกอย่างมืออาชีพด้วยการตั้งเป็นกระทรวง เช่น Ministry of Disaster Management and Emergency Response (กระทรวงบริหารจัดการภัยพิบัติและการตอบสนองฉุกเฉิน) Ministry of Natural Disaster Preven tion and Mitigation (กระทรวงป้องกันและบรรเทาภัยธรรมชาติ) Ministry of Climate Resilience and Disaster Preparedness (กระทรวงความพร้อมรับมือภัยพิบัติและเสถียรภาพสภาพภูมิอากาศ)Ministry of Emergency Services and Crisis Coor dination (กระทรวงบริการฉุกเฉินและการประสานงานวิกฤติ) Ministry of Environmental Hazards and Risk Reduction (กระทรวงจัดการความเสี่ยงและอันตรายทางสิ่งแวดล้อม) Ministry of National Safety and Disaster Risk Management (กระทรวงความปลอดภัยแห่งชาติและการจัดการความเสี่ยงภัยพิบัติ)Ministry of Humanitarian Assistance and Disaster Relief (กระทรวงการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ) Ministry of Geological and Meteorological Hazards (กระทรวงภัยธรณีวิทยาและอุตุนิยมวิทยา) Ministry of Crisis Prevention and Public Protection (กระทรวงป้องกันวิกฤติและคุ้มครองประชาชน) หรือ Ministry of National Resilience and Reconstruction (กระทรวงการฟื้นฟูและเสถียรภาพแห่งชาติ)หลายประเทศยกระดับการป้องกันภัยพิบัติเป็นกระทรวงเพราะความคล่องตัวในอำนาจการสั่งการ มีงบประมาณของตนเอง ลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน จัดซื้ออุปกรณ์ทันสมัย ไม่ต้องไปแย่งงบกับกระทรวงอื่นทุกประเทศเห็นพ้องต้องกันว่า รัฐต้องมีระบบเตือนภัยที่เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพสูง มีนโยบายระยะยาวต่อเนื่อง มีศักยภาพในการรับมือภัยพิบัติที่รุนแรงมากขึ้นจากภาวะโลกร้อน ลดความสูญเสียชีวิตและเศรษฐกิจ เพิ่มความเชื่อมั่นของประชาชนและนานาประเทศเปิดฟ้าส่องโลก หน้า 2 ของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เรียกร้องมานานเกิน 20 ปี เรื่องให้ยกระดับงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจากระดับกรมที่สังกัดกระทรวงมหาดไทย ขึ้นเป็นกระทรวงป้องกันภัยพิบัติ หรือ Ministry of Disaster Prevention ที่ครอบคลุมทั้งภาระงานการเตรียมพร้อม การตอบสนอง การฟื้นฟู อย่างครบวงจรกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย สังกัดกระทรวงมหาดไทย ทำให้ผู้บริหารระดับสูงมักอยู่ในตำแหน่งไม่นาน บางคนใช้ตำแหน่งในกรมเป็นเพียงทางผ่านไปสู่ตำแหน่งอื่น ทำให้ขาดการสะสมองค์ความรู้เชิงลึกและประสบการณ์เฉพาะด้านผู้บริหารชั่วคราวไม่สามารถวางวิสัยทัศน์ระยะยาวหรือพัฒนาระบบให้เข้มแข็งได้อย่างแท้จริง การเปลี่ยนตัวบ่อย ทำให้แผนงานไม่ต่อเนื่องสะดุด ขาดเอกภาพในการจัดการภัยพิบัติที่ต้องการความมั่นคงของผู้นำและความเชี่ยวชาญ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม