วันที่ 25 พ.ย. ของทุกๆปี ถือเป็นวันขจัดความรุนแรงต่อสตรีสากลของสหประชาชาติ ซึ่งในโอกาสนี้ “อโลนา ฟิชเชอร์–คัมม์” เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ได้ให้มุมมองสะท้อนถึงปัญหาที่ยังคงอยู่ว่า แม้จะมีการรณรงค์ทั่วโลกมากว่าสองทศวรรษแต่สถิติยังน่าตกใจ องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติยืนยัน มีสตรีและเด็กผู้หญิงถูกสังหารโดยคู่รักหรือสมาชิกในครอบครัว เฉลี่ยวันละ 140 คน หมายความว่ามีสตรีหรือเด็กหญิงถูกฆาตกรรมในบ้านทุก 10 นาที ทั้งที่ควรจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับอิสราเอลเองก็เช่นกัน มีสตรีราว 20-25 คนถูกฆาตกรรมในแต่ละปี โดยผู้ชายที่ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นบิดา สามี หรือคู่รัก สำหรับประเทศไทย ข้อมูลอย่างเป็นทางการจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แสดงให้เห็นว่า มีความรุนแรงในครอบครัวหลายร้อยคดีในแต่ละปี และองค์กรภาคประชาสังคมได้เตือนว่า ยังมีอีกความรุนแรงอีกจำนวนมากที่ไม่มีการรายงาน “ความรุนแรงต่อสตรีมีหลายรูปแบบ ทั้งร่างกาย ทางเพศ จิตใจ หรือทางเศรษฐกิจ ทว่าในช่วงสงครามหรือความขัดแย้ง ภัยคุกคามจะทวีความรุนแรงขึ้น ในอดีต ความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องน่าสลดใจ ตั้งแต่การข่มขืนหมู่ในช่วงสงครามของอดีตยูโกสลาเวียและ รวันดา ไปจนถึงภัยคุกคามที่ยังคงดำเนินอยู่ในเมียนมา ซูดาน และยูเครน เห็นได้ว่าเมื่อใดที่เกิดความขัดแย้ง ร่างกายสตรีก็จะกลายเป็นสนามรบไปด้วยเช่นกัน” เฉกเช่นเดียวกับโศกนาฏกรรมวันที่ 7 ต.ค.2566 ระหว่างการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายฮามาสในอิสราเอล สตรีถูกข่มขืน ทรมานและสังหารอย่างป่าเถื่อน มีการบันทึกเรื่องความรุนแรงทางเพศโดยเหยื่อผู้รอดชีวิต บุคลากรการแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ การทำร้ายร่างกายดังที่กล่าวมานี้ไม่เพียงแต่เป็นอาชญากรรมต่อชาวอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติและสตรีทั่วโลกอีกด้วยอย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาของประชาคม โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนิ่งเฉยขององค์กรสิทธิสตรีหลายแห่ง สร้างความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง “สำหรับดิฉันในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง การนิ่งเฉยคือทรยศต่อสตรีด้วยกันอย่างเจ็บปวด หลักการสากลที่เป็นพื้นฐานของการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีไม่ควรขึ้นอยู่กับบริบททางการเมือง ความรุนแรงคือความรุนแรง การข่มขืนคือการข่มขืน ไม่ว่าในสถานการณ์หรือเหตุผลใด สตรีไม่ควรได้รับการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมหรือเมินเฉยเช่นนี้” ...มุมมองท่านทูตอโลนาไม่ได้มีเพียงเท่านี้ ไว้ขอนำเรื่องราวมารับใช้ท่านผู้อ่านต่อในวันพรุ่งนี้ครับ. ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม