เนื่องในวาระครบรอบ 80 ปี องค์การสหประชาชาติ ตลอดระยะเวลาแปดทศวรรษที่ผ่านมา องค์การนี้ได้วางรากฐานระบบการต่างประเทศสมัยใหม่ แม้จะมีทั้งจุดแข็งและจุดอ่อน แต่ก็โดดเด่นมากในเรื่องของการเป็นองค์การที่คอยประสานงานให้กับประเทศต่างๆในการทำงานบนเป้าหมายร่วมกัน นั่นหมายถึงการรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ โดยการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกันและตั้งอยู่บนพื้นฐานของการให้ความเคารพซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียม โดยไม่แบ่งเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา และเพศ“เยฟกินี โทมิคิน” เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ให้มุมมองเนื่องในวาระสำคัญครั้งนี้ว่า สำหรับทุกคนบนโลกใบนี้นั้น วันครบรอบ 80 ปีนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การสะท้อนการทำงานขององค์การสหประชาชาติในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แต่เต็มไปด้วยความท้าทายและคุกคามรูปแบบใหม่ๆ ที่ทำให้เราหวนนึกถึงจุดเริ่มต้นและประวัติศาสตร์ของการก่อตั้งองค์การแห่งนี้ เราได้เรียนรู้ถึงบทเรียนในอดีตที่จะนำไปสู่แนวทางการทำงานในเชิงปฏิบัติในสภาวะที่การเมืองยังคงวุ่นวายในปัจจุบันการจัดตั้งองค์การสหประชาชาติเป็นหนึ่งในความสำเร็จร่วมกันในการยุติความขัดแย้งทางด้านการเมืองภายหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ต่อฝ่ายนาซีเยอรมนี และลัทธิทางการทหารของญี่ปุ่น ในช่วงเวลานั้นได้สูญเสียชาวโซเวียตไปมากถึง 27 ล้านคน ในยุคนั้นเราได้วางรากฐานโครงสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศขึ้นมาใหม่โดยมีแกนหลักคือองค์การสหประชาชาติ โดยการสนับสนุนของชาติพันธมิตรในฐานะของผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 2 และ เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2488 จึงถือได้ว่าเป็นวันที่เริ่มต้นขึ้นขององค์การสหประชาชาติในประวัติศาสตร์โลก เมื่อกฎบัตรสหประชาชาติได้มีผลบังคับใช้ สหภาพโซเวียตได้เข้ามาเป็นสมาชิกถาวรในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างถูกต้องการก่อตั้งองค์การสหประชาชาตินั้นเกิดจากเจตจำนงร่วมกันทางการเมืองของประเทศที่ได้รับชัยชนะ ได้แก่ สหภาพโซเวียต สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร โดยการประชุมครั้งแรกได้จัดขึ้นที่ดัมบาร์ตัน โอคส์ สหรัฐฯ ในเดือน ต.ค.2487 และอีกครั้งในเดือน ก.พ.2488 ในเมืองยัลตา สหภาพโซเวียต เพื่อกำหนดรูปแบบองค์การสำหรับอนาคตและสร้างข้อตกลงร่วมกันในบทบัญญัติหลักของเอกสารกฎบัตรองค์การสหประชาชาติ การประชุมได้วางรากฐานของระเบียบโลกใหม่ให้ตั้งอยู่บนความเท่าเทียมกันของอธิปไตยของแต่ละรัฐและปฏิบัติไปตามหลักการกฎบัตรขององค์การสหประชาชาติ การมีแนวทางร่วมกันในการแก้ไขข้อพิพาทอย่างสันติ ขจัดภัยคุกคามและการใช้กำลังในกิจการระหว่างประเทศ โดยไม่แทรกแซงเขตอำนาจศาลของแต่ละรัฐสมาชิกองค์การสหประชาชาติกลายเป็นเวทีการเจรจาที่โดดเด่นและชอบธรรม เป็นตัวแทนของแต่ละฝ่าย และมีขอบเขตในการใช้อำนาจทำให้ไม่ว่าจะเป็นรัฐเล็ก หรือรัฐใหญ่ก็จะมีโอกาสในการเข้าร่วมการเจรจาอย่างเท่าเทียมกัน สหประชาชาติมีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัวให้เข้ากับความเป็นจริงในโลกสมัยใหม่อย่างรวดเร็ว การปฏิรูปองค์การเป็นเรื่องสำคัญ การเปลี่ยนแปลงต้องนึกถึงดุลยภาพและผลประโยชน์ของโลก เราได้เห็นประเทศต่างๆจากซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ร่วมกันตัดสินใจในหลายๆวาระระหว่างประเทศ เราเชื่อว่าองค์การสหประชาชาติควรเป็นองค์การพหุภาคีอย่างแท้จริงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขององค์การ แม้ในวาระครบรอบ 80 ปีนี้องค์การจะถูกวิพากษ์วิจารณ์บ้างตามเหตุอันสมควรการทำงานในเวทีระหว่างประเทศร่วมกันโดยใช้การเคารพซึ่งกันและกันและรักษาไว้ซึ่งผลประโยชน์ร่วมกันจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ในกรุงเทพมหานคร คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Economic and Social Commission for Asia and the Pacific) หรือ ESCAP ได้ทำงานเพื่อส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ในระดับภูมิภาคเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนในการพัฒนาและสร้างความมั่นใจในด้านเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกตามวาระการพัฒนาอย่างยั่งยืน พ.ศ.2573การเลือกจังหวัดกรุงเทพฯ เป็นสำนักงานใหญ่ของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ในปี 2519 นั้น เป็นการตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะตัวแทนของประเทศในโลกใต้ (Global South) ที่ตั้งอยู่ใจกลางของภูมิภาคเอเชียตะวัน ออกเฉียงใต้และยึดมั่นในแนวทางความร่วมมือแบบ พหุภาคี คณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ได้มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเป็นกลไกสำคัญขององค์การ สหประชาชาติในการเชื่อมโยงวาระระดับโลกให้เข้ากับวาระในระดับภูมิภาคเพื่อบูรณาการทางเศรษฐกิจ แลกเปลี่ยนแนวทางการทำงานและสร้างความร่วมมือในการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมของภูมิภาคปัจจุบันนี้รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่ของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) และได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่โครงการความร่วมมือทางเทคนิคกว่า 70 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 18.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในหลายสาขาขององค์กร อาทิ ด้านพลังงาน การขนส่ง การค้า การเงินเพื่อการพัฒนา ปัญหาสังคม สิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีสารสนเทศ และการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งทั้งหมดนี้ได้ช่วยเสริมการสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญตลอดเวลาของประวัติศาสตร์โลก องค์การสหประชาชาติได้เป็นศูนย์กลางของเหตุการณ์สำคัญของโลกและได้ผ่านการทดสอบในแต่ละช่วงเวลาของโลกมาอย่างยาวนาน องค์การนี้เป็นองค์การทางการทูตที่สำคัญและไม่อาจมีองค์การ ไหนมาทดแทนได้ องค์การนี้ได้ยืนหยัดผ่านกาลเวลาและอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์โลกสมัยใหม่ ไม่ว่าจะยุค สงครามเย็นและวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อม โรคระบาด ความขัดแย้งในระดับภูมิภาคที่มีความซับซ้อนและการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ องค์การสหประชาชาติเป็นองค์การทางการทูตที่โดดเด่นในการแก้ไขปัญหาและวิกฤตการณ์เร่งด่วนในยุคสมัยของเรานี้ ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกใหม่ ทำให้องค์การสหประชาชาติยิ่งมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในฐานะขององค์กรสากลวันครบรอบ 80 ปี ขององค์การสหประชาชาติจะเป็นสิ่งที่เตือนใจมนุษยชาติเสมอว่าสันติภาพของโลกและการพัฒนาโลกนี้แบบยั่งยืนนั้นอยู่ที่ความพยายามร่วมกัน ความเข้าใจและเคารพซึ่งกันและกัน เราต่างยึดมั่นในหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติร่วมกันและปฏิบัติตามอย่างครบถ้วน.ทีมข่าวต่างประเทศคลิกอ่านคอลัมน์ “7 วันรอบโลก” เพิ่มเติม