นับตั้งแต่รับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา นายทรัมป์ดำเนินนโยบายหลายอย่างตามที่หาเสียงไว้ หนึ่งในนั้นคือการกวาดล้างผู้อพยพและผู้ลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายกลับประเทศต้นทางนโยบายนี้จริงๆแล้วถือเป็นนโยบายที่ดีเพราะการอาศัยในประเทศใดประเทศหนึ่งโดยพ้นระยะการอนุญาตให้อยู่ในประเทศหรือการโดดวีซ่า ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย แต่นโยบายนี้ของนายทรัมป์ก็ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในภาคแรงงานเพราะศูนย์วิจัย PEW ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. รายงานว่า ในช่วงเดือน ม.ค.–ก.ค.ที่ผ่านมา แรงงานผู้อพยพผิดกฎหมายหายไปจากระบบกว่า 1.2 ล้านคน โดยแรงงานผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20 ของแรงงานทั้งหมดในสหรัฐฯ ในจำนวนนี้ร้อยละ 45 ทำงานในส่วนของการทำไร่นา ประมง และป่าไม้การที่แรงงานผู้อพยพผิดกฎหมายหายไปกว่า 1.2 ล้านคนทำให้บรรดานายจ้างประสบปัญหามากเรื่องการหาคนทำงานที่ต้องใช้แรงงาน ดังเช่น ที่ย่านเวนทูรา ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ใกล้กับนคร “ลอสแอนเจลิส” นาง “ลิซา เทต” เจ้าของธุรกิจทำไร่ผลไม้และอะโวคาโด ขาดแรงงานเพราะเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) จับกุมผู้อพยพที่ทำงานในไร่ของเธอไปหลายสิบคนเมื่อกลางปีที่ผ่านมาขณะที่ภาคการก่อสร้างก็เจอผลกระทบหนักเพราะร้อยละ 30 ของผู้อพยพผิดกฎหมายทำงานในภาคส่วนนี้ ในหลายพื้นที่เมืองใหญ่หลายแห่งทั่วประเทศ แรงงานภาคการก่อสร้างหายไปครึ่งหนึ่ง โดยพื้นที่ที่เจอปัญหาขาดแรงงานภาคการก่อสร้างมากที่สุดอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เมือง “ริเวอร์ไซด์” “ซาน เบอร์นาร์ดิโน” และ “ออนแทริโอ” เพราะเมือง 3 แห่งนี้เสียแรงงานก่อสร้างต่างชาติผิดกฎหมายไปรวมกันถึง 7,200 คนขณะที่ภาคที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ ภาคการบริการสาธารณสุข เพราะแรงงานผู้อพยพผิดกฎหมายมากถึงร้อยละ 43 ทำงานในส่วนนี้ จนตอนนี้เริ่มมีคำถามแล้วว่า ใครจะดูแลชาวอเมริกันหลายล้านคนในบ้านพักคนชราทั่วประเทศ? ใครจะเก็บผักผลไม้ในสวน? ใครจะทำงานก่อสร้างตามไซต์ต่างๆ? เพราะงานเหล่านี้ล้วนใช้แรงงานผู้อพยพผิดกฎหมายเป็นส่วนใหญ่อย่างไรก็ตาม โฆษกทำเนียบขาวสหรัฐฯ แถลงยืนยันว่า นายทรัมป์มุ่งมั่นที่จะช่วยเหลือบรรดานายจ้างสหรัฐฯ โดยจะออกนโยบายช่วยเหลือให้มีแรงงานต่างชาติถูกกฎหมายเข้ามาทำงานในประเทศมากขึ้นเพื่อให้หลายภาคอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ ขับเคลื่อนต่อไปได้.ผู้เล็กน้อยคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม