การคัดเลือกบุคคลไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตในต่างประเทศของสหรัฐฯ ไม่จำเป็นต้องเป็นนักการทูตอาชีพ เพียงแต่เป็นผู้ถูกใจหรือเป็นผู้ที่เคยสนับสนุนและช่วยเหลือการหาเสียงของผู้ที่เป็นประธานาธิบดีก็ได้ตำแหน่งเอกอัครราชทูตของสหรัฐฯถือเป็น Political Appointee หมายถึง “เป็นตำแหน่งทางการเมือง” อย่างเช่น นายนิค อดัมส์ ที่ถูกเสนอชื่อให้เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำมาเลเซีย ตัวแกเองเป็นนักเขียนสายอนุรักษนิยม ไม่เคยทำงานด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือไม่เคยเป็นนักการทูตอาชีพมาก่อนหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯชี้ให้บุคคลใดบุคคลหนึ่งไปเป็นทูตประเทศใดแล้ว สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอและสำนักงานจริยธรรมภาครัฐ จะสืบสวนหาข่าวและตรวจสอบผลประโยชน์ทับซ้อน การเปิดเผยทรัพย์สิน จรรยาบรรณของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นเอกอัครราชทูต ที่สำคัญคือเรื่องการชำระภาษีหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอน Senate Nomination หรือ “การส่งรายชื่อเข้าสู่วุฒิสภา” ประธานาธิบดีต้องลงนามส่งชื่อบุคคลที่จะแต่งตั้งไปยัง Senate Foreign Relations Committee หรือคณะกรรมาธิการการต่างประเทศวุฒิสภาขั้นตอนต่อไปคือ Confirmation Hearing หรือ “การไต่สวนในวุฒิสภา” ผู้ได้รับการเสนอชื่อจะต้องไปตอบคำถามต่อคณะกรรมาธิการต่อหน้าสาธารณชน (บางครั้งมีการถ่ายทอดทั้งภาพและเสียง)วุฒิสมาชิกจะซักถามเรื่องความเข้าใจในประเทศที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ ท่าทีทางการเมือง จริยธรรม ความสามารถด้านภาษาและวัฒนธรรม หากคำตอบไม่เป็นที่พอใจก็จะโดน Object to the nomination หรือ Oppose the nomination ที่หมายถึง “คัดค้านการเสนอชื่อหรือคัดค้านการแต่งตั้ง” หรือ “ระงับการพิจารณาชั่วคราว” หรือ Hold ซึ่งเป็นการดึงเรื่องเพื่อชะลอการลงมติในวุฒิสภาหลังจากการไต่สวน คณะกรรมาธิการจะลงมติเสนอเรื่องเข้าสู่วุฒิสภาเต็มคณะ คนที่จะได้รับการยืนยัน หรือ confirm ให้ไปเป็นเอกอัครราชทูตจะต้องผ่าน simple majority หรือ “ผ่านการเห็นชอบด้วยเสียงข้างมาก”ขั้นตอนต่อไปเป็น “การขอรับรองจากประเทศปลายทาง” รัฐบาลสหรัฐฯจะต้องส่งชื่อผู้ที่วุฒิสภาลงมติยืนยันเพื่อขออั๊กเกรม็องหรือ “ความยินยอมอย่างเป็นทางการของรัฐบาลประเทศเจ้าบ้าน” ประเทศเจ้าบ้านหรือประเทศปลายทางมีสิทธิปฏิเสธโดยไม่ต้องให้เหตุผลเมื่อได้รับอั๊กเกรม็องแล้ว ประธานาธิบดีจึงลงนามแต่งตั้ง ผู้ได้รับการแต่งตั้งจึงเดินทางไปยังประเทศนั้นเพื่อยื่นพระราชสาส์นตราตั้งต่อประมุขของประเทศ เมื่อยื่นแล้ว จึงเริ่มปฏิบัติหน้าที่ได้ประธานาธิบดีทรัมป์เสนอชื่อนายนิค อดัมส์ ไปเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำมาเลเซีย รัฐบาลมาเลเซียกำลังแสดงท่าทีว่าอาจจะไม่รับบุคคลผู้นี้เข้ามาเป็นเอกอัครราชทูต เพราะแกเคยโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดียตำหนิศาสนาอิสลาม และข้อความ “If you don’t stand with Israel, you stand with terrorists.” (ถ้าคุณไม่ยืนเคียงข้างอิสราเอล นั่นหมายความว่าคุณกำลังยืนเคียงข้างผู้ก่อการร้าย)ดาโต๊ะ มุฮัมมัด ซาอิด บิน อิบราฮิม อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของมาเลเซียและสมาชิกวุฒิสภา และนายไครี จามาลุดดิน อาบู บากัร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเยาวชนและกีฬา รวมถึงกลุ่มเยาวชนและองค์กรต่างๆ ของมาเลเซียกำลังออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียปฏิเสธที่จะรับนายอดัมส์มาเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯที่ประเทศของตนเรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่ครับ มองในมุมของคนมาเลเซียก็รู้สึกว่านายอดัมส์ปฏิเสธความหลากหลายทางวัฒนธรรม และเหยียดความรู้สึกของคนมาเลเซีย มองในมุมของสหรัฐฯก็คือ มาเลเซียไม่ให้ความร่วมมือและอาจนำไปสู่ผลตอบโต้ทางเศรษฐกิจ หรือนโยบายจากสหรัฐฯที่จะขึ้นภาษีนำเข้าในอนาคตขณะนี้มาเลเซียยังไม่ได้ปฏิเสธอย่างเป็นทางการ รัฐบาลอยู่ในระหว่างความรู้สึกกลัวๆกล้าๆกลัวกลุ่มประชาชนที่ต่อต้าน และกลัวทั้งสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมหาอำนาจ ที่อาจจะตอบโต้ทำให้มาเลเซียมีความยุ่งยากได้การโพสต์ข้อความในโซเชียลมีเดีย (ถึงแม้จะลบไปแล้ว) มีผลต่อหน้าที่การงานของผู้โพสต์ อย่างเช่นนายไมค์ วอลท์ซ ที่ถูกพ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติใน ค.ศ.2025 ข้อหาชอบโพสต์เฟอะฟะและเพิ่มนักข่าวเข้าไปในกลุ่มแชตแอป Signal ตอนนี้ ทรัมป์กำลังเสนอชื่อนายวอลท์ซให้เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำสหประชาชาติ เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2025 ผ่านวุฒิสภาด้วยคะแนน 12-10 ขณะนี้สถานะรอ confirm จากวุฒิสภาเต็มคณะสมัยนี้จะคอมเมนต์อะไร มีผลต่ออนาคตของตัวเองจริงๆครับ.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม