แมรี เอลิซาเบธ ทรัสส์ คนทั่วไปเรียกแกสั้นๆว่า “ลิซ ทรัสส์” นางทรัสส์เคยเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษคนสุดท้ายในรัชสมัยสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อดีตนายกฯคนนี้ ตอนเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ไปนั่งประชุมกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2022 (ก่อนสงครามรัสเซีย-อูเครนเกิด) อยู่ดีๆแกก็ตะโกนว่า อังกฤษจะไม่ยอมรับอธิปไตยของรัสเซียเหนือภูมิภาครอสตอฟและโวโรเนสคำพูดของรัฐมนตรีต่างประเทศทรัสส์สร้างความตระหนกตกใจให้กับวงการระหว่างประเทศ แสดงว่าเธอไม่มีความรู้ด้านการต่างประเทศ ไม่ทำการบ้าน เอกอัครราชทูตอังกฤษจึงต้องออกมาแก้ไขคำพูดของเธอ และต้องไปอธิบายเรื่องต่างประเทศให้นางทรัสส์ฟังว่าทั้งรอสตอฟและโวโรเนสเป็นดินแดนของรัสเซีย ไม่ใช่แผ่นดินของอูเครน เป็นความอับอายขายขี้หน้า ทำให้การระหว่างประเทศของอังกฤษถูกด้อยค่าว่ากระจอกงอกง่อย แม้แต่รัฐมนตรีต่างประเทศก็ยังไม่มีความรู้ยังมีอีกหลายเรื่องครับที่บุคลากรด้านต่างประเทศของอังกฤษเฟอะฟะเบ๊อะบ๊ะให้ชาวโลกได้เห็น นางทรัสส์เคยสนับสนุนให้พลเมืองอังกฤษไปรบในอูเครน “If people want to support Ukraine’s struggle for freedom, I would support them in doing that. ถ้าพลเมืองอังกฤษอยากสนับสนุนการต่อสู้เพื่อเสรีภาพของอูเครน ข้าพเจ้าก็สนับสนุนให้พวกเขาทำอย่างนั้น (ไปรบที่อูเครนสู้กับรัสเซีย)เรื่องที่นางทรัสส์พูด ผิดกฎหมายทั้งของอังกฤษและกฎหมายระหว่างประเทศ รัฐมนตรีกลาโหมอังกฤษต้องเดินกระย่องกระแย่งมาสะกิดนางทรัสส์ว่าอย่าพูดอย่างนั้นมันไม่ถูกต้อง แม้แต่ตัวคุณเองก็ต้องไม่เดินทางไปอูเครน เพราะเป็นเรื่องเสี่ยงในวงการระหว่างประเทศ (แต่นางทรัสส์ก็เดินทางไปอูเครนจนได้) นี่เฉพาะเรื่องกับรัสเซียเท่านั้นนะครับ นางทรัสส์เฟอะฟะเรื่องจีนอีกบานเบอะเยอะแยะนายกรัฐมนตรีอังกฤษก่อนหน้านางทรัสส์คือนายอเล็กซานเดอร์ บอริส เดอ เฟ็ฟเฟิล จอห์นสัน สื่อมวลชนทั้งโลกเรียกนายกฯคนนี้สั้นๆว่าบอริส จอห์นสัน แกเคยเป็นนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ คนนี้ก็เฟอะฟะไม่แพ้ นางทรัสส์ เคยพูดว่าสหภาพยุโรปเป็นการรวมกันของนโปเลียนกับฮิตเลอร์ ซึ่งผู้นำทั้ง 2 คนเคยไปสร้างสงครามกับรัสเซีย และแพ้รัสเซียราบคาบนาบพื้นมาแล้ว ทำให้ฝรั่งเศสและเยอรมนีไม่พอใจเป็นอย่างมากหลายครั้งที่นายกฯคนนี้พูดถึงคนผิวดำ แกก็มักจะพูดทำนองบูลลี่ ครั้งหนึ่งพูดถึงการจราจรในคองโกว่าคนผิวดำชอบการเต้น เมื่อพูดถึงโอบามา อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ แกก็จะบูลลี่ว่า “โอบามาไม่น่าจะชอบอังกฤษนะ เพราะแกเป็นลูกครึ่งเคนยา (พ่อโอบามาเป็นชาวเคนยา)” นี่เป็นการเหยียดสีผิวเผ่าพันธุ์พอมาถึงนายกรัฐมนตรีอังกฤษเชื้อสายอินเดีย นายริชี ซูแน็ก แกเคยประกาศว่าจีนคือภัยคุกคามอันดับ 1 ของอังกฤษ ตอนไปร่วมประชุม จี 7 ที่ญี่ปุ่นเมื่อ ค.ศ.2023 แกพูดว่า “ผมเชื่อว่าภรรยาของผมคือทรัพย์สินทางการทูตของสหราชอาณาจักร” ซึ่งคนก็งงกันทั้งโลกว่า เฮ้ย เมียเอ็งจะมาเป็นทรัพย์สินทางการทูตของอังกฤษได้ยังไงตอนเป็นนายกฯ ขณะยืนแถลงข่าวที่หน้าบ้านพักนายกรัฐมนตรี เมื่อมีคนถามเรื่องนโยบายผู้อพยพ แกพูดว่า No ifs, no buts. These flights are going to Rwanda. แกบอกจะให้ผู้อพยพผิดกฎหมายไปอยู่ที่รวันดา (แอฟริกาตะวันออก) อ้าว เฮ้ย คำพูดของนายกฯอังกฤษบูลลี่ประเทศรวันดาว่า เหมาะสำหรับการรับผู้อพยพผิดกฎหมายนายกฯอังกฤษคนปัจจุบันคือ นายเคียร์ รอดนีย์ สตาร์เมอร์ กันยายน 2024 ขณะกล่าวสุนทรพจน์เรื่องกาซา แกเผลอเรียกตัวประกัน (hostages) ชาวอิสราเอล ว่าไอ้ไส้กรอก (sausages) นี่ไม่ใช่การพูดผิด แต่เป็นการตั้งใจพูด เพื่อแสดงออกว่าไม่เคารพต่อเหยื่อ เป็นการสื่อสารที่คนระดับนายกรัฐมนตรีไม่ควรพูดเมื่อเดือนมิถุนายน 2025 นายกฯสตาร์เมอร์ เจรจากับนายอี แจ มย็อง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายสตาร์เมอร์ดันยื่นมือไปจับกับล่าม ล่ามทำหน้าตาเหรอหราเด๋อด๋าหมาเห่า เรื่องนี้ทำให้คนหัวเราะปนสมเพช ว่าคนที่เป็นนายกฯอังกฤษ ไม่ได้ศึกษารูปร่างหน้าตาของคู่เจรจาเลย.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.comคลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม