ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวมากมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอาวุธ "โดรน" ไร้คน ไม่ว่าจะเป็นโดรนยานแม่ของกองทัพจีน หรือโดรนพิฆาตสำหรับพุ่งชนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายตามสนามรบต่างๆจนกลายเป็นคำถามอย่างต่อเนื่องว่า หนทางรับมือจะเป็นเช่นไร เนื่องด้วยโดรนมีความได้เปรียบในเรื่องของเชิงปริมาณ มีต้นทุนไม่สูงทำให้ผลิตออกมาได้เป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายของฝ่ายรับมือที่ต้องใช้ระบบต่อต้านอากาศยานหรือจรวดยิงสกัดกั้น ซึ่งมีราคาแพงสูงลิ่วไม่ว่าจะเป็นสมรภูมิตะวันออกกลาง เครือข่ายความมั่นคงติดอาวุธในประเทศต่างๆ ใช้โดรนสลับกับจรวดโจมตีใส่อิสราเอล และทำให้ทางกองทัพอิสราเอลต้องทุ่มทุนในการใช้ระบบไอเอิร์นโดมราคาหลักล้านหรือกรณีที่กองทัพยูเครน-รัสเซีย พยายามป้องกันโดรนพิฆาตที่แลกโจมตีใส่กัน จนกลายเป็นการชี้วัดว่า ใครจะสายป่านยาวกว่า ซึ่งแน่นอนว่าคำตอบค่อนข้างจะชัดเจน ว่าใครมีพละกำลังทางอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งช่วงสถานการณ์ความขัดแย้งทั่วโลกตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ทางกองทัพของประเทศต่างๆ จำเป็นต้องคิดใหม่ทำใหม่ เพราะอาวุธที่เคยมั่นใจว่าเป็นของเด็ดของดีอาจไม่ได้ผลอีกต่อไปรถถังที่เคยสร้างชื่อเสียงราคาหลักล้าน กลายเป็นว่ามีจุดอ่อนที่ไม่คาดคิด เมื่อเผชิญกับโดรนระเบิดเพลิง เฮลิคอปเตอร์ที่เคยช่วยคุมเชิงไม่ให้อีกฝ่ายผลีผลามในสมรภูมิ กลายเป็นเป้านิ่งชั้นดีสุดท้ายคำตอบทางหนึ่งของเรื่องนี้อาจจะอยู่ที่ว่าใครมีระบบ “ปัญญาประดิษฐ์” ที่ดีกว่ากัน เพราะกองทัพต่างๆที่กำลังมีบทบาทในสนามรบ ได้มีความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างคึกคัก ทั้งการนำเอไอมาใส่ในระบบปืนต่อสู้อากาศยานเพื่อให้ล็อกเป้าขนาดเล็กที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว หรือกระทั่งการใช้โดรนล่าโดรน ไล่ชนกันกลางอากาศโลกเรากำลังเข้าสู่ยุคใช้เอไอคว้าชัยชนะเหนือความขัดแย้ง ใช้คอมพิวเตอร์มาฆ่ากัน ฟังดูแล้วแอบน่ากลัว ขนลุกนิดๆ.ตุ๊ ปากเกร็ดคลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม