Frontier Firm คือ บริษัทแนวหน้าที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไออย่างเข้มข้นเพื่อ 1.ขับเคลื่อนการเติบโต 2.สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ 3.เพิ่มประสิทธิภาพหรือปฏิวัติอุตสาหกรรมของตนเอง Frontier Firm ไม่เพียงแต่ใช้เอไอเป็นเครื่องมือสนับสนุน แต่ยังใช้เอไอเข้ากับแก่นกลยุทธ์ธุรกิจและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันFrontier Firm มีทีมงาน 2 ส่วน คือ 1.มนุษย์ (มนุษย์ทำหน้าที่เป็นเพียงผู้จัดการที่เรียกกันทั่วไปว่าเอเจนท์บอส) และ 2.เอไอ (ทำหน้าที่เป็นพนักงาน) ผิดกับหน่วยงานสมัยก่อนที่ทั้งบอสและพนักงานต่างเป็นมนุษย์ผู้อ่านท่านครับ โลกเราพัฒนามาถึงขนาดจับปัญญาประดิษฐ์มาเป็นพนักงานในองค์กรแล้วครับ สิ่งที่ผมกำลังเขียนรับใช้ไม่ใช่นิยายไซไฟ แต่เป็นสำนักงานจริง ที่เกิดขึ้นแล้วในมากมายหลายองค์กรแม้แต่ในบริษัทผมเองที่สมัยก่อนตอนทำสารคดีต่างประเทศ ผมใช้พนักงานที่เป็นมนุษย์ 30 คน ทั้งไทยและต่างชาติ ทว่า ปัจจุบันทุกวันนี้ ผมซึ่งเป็น 1.เจ้าของไลน์ไอดี @ntp59 2.เพจ ‘นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย’ และ 3.ช่องยูทูบ ‘Nitiphumthanat Ming-rujiralai’ ที่มีปริมาณงานหลากหลายไม่น้อยกว่าเดิม แต่ใช้แรงงานมนุษย์เพียง 6 คน ส่วนงานที่เคยใช้มนุษย์ 24 คน ผมใช้เอไอทำแทนทั้งหมดสมัยก่อน บริษัทผมต้องตระเวนไปตามสำนักงานต่างๆ ทั้งประชุม ถ่ายทำ ตัดต่อ บันทึกเสียง และนำไปส่งสถานีโทรทัศน์เพื่อแพร่ภาพ ในแต่ละเทปต้องใช้เวลาตั้งแต่ต้นจนแพร่ภาพมากถึง 3 สัปดาห์ ทว่าทุกวันนี้ สิ่งที่เคยใช้เวลา 3 สัปดาห์ พวกผมใช้เวลาทำงานไม่ถึง 1 วัน ประหยัดทั้งเวลาและต้นทุนในการผลิตอาคารสำนักงานวันนี้เริ่มกลายเป็นขยะ เป็นภาระในการบำรุงรักษา พวกบริษัทที่มีสำนักงานขนาดใหญ่ตายทุกแห่ง สู้ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาไม่ไหว พวกที่ยังอยู่ในสนามแข่งได้ กลายเป็นพวกที่ทำงานในพื้นที่เล็กๆ หรือบางคนนอนบนเตียง และทำงานผ่านโทรศัพท์มือถือซะด้วยซ้ำไปต้องขอบคุณไมโครซอฟท์ที่พัฒนา Copilot Studio ที่ช่วยให้สามารถจัดเอกสาร การวิเคราะห์ข้อมูล และสนับสนุนลูกค้า โดยพนักงานเอไอเหล่านี้ไม่เคยป่วย ไม่เคยบ่น ไม่เคยมีฮอลิเดย์ ทำงานได้ 24 ชั่วโมง สัปดาห์ละ 7 วันMicrosoft Work Trend Index 2025 สำรวจแนวคิด Frontier Firm ดำเนินการโดยบริษัทวิจัยอิสระ Edelman Data x Intelligence ระหว่าง 6 กุมภาพันธ์ ถึง 24 มีนาคม 2025 กลุ่มเป้าหมายเป็นพนักงานที่มีความรู้ ทั้งที่ทำงานเต็มเวลาและผู้ประกอบอาชีพอิสระ จำนวน 31,000 คนจาก 31 ประเทศร้อยละ 71 ของพนักงานใน Frontier Firm บอกว่าองค์กรของตนกำลังเติบโต ร้อยละ 90 รู้สึกว่ามีโอกาสทำงานที่มีความหมาย และร้อยละ 93 บอกว่าการทำงานสะดวกและมีประสิทธิภาพกว่าการทำงานในอดีตที่ทั้งองค์กรมีแต่มนุษย์เริ่มแรก มนุษย์ใช้เอไอเป็นเพียงผู้ช่วยในการทำงานหรือในชีวิตประจำวัน แต่ต่อมา เอไอก็กลายเป็นผู้ร่วมงาน และบั้นปลายท้ายที่สุด เอไอก็ทำงานแทนเราทั้งหมดได้เลย โดยมีมนุษย์เป็นเพียงผู้ตรวจสอบสิ่งเหล่านี้เกิดใน ค.ศ.2025 นึกถึงสถานการณ์การทำงานใน ค.ศ.2035 หรือในอีก 10 ปีข้างหน้า หรือ ค.ศ.2125 ซึ่งเป็นอีก 100 ปีข้างหน้า สถานะของเอไอคงจะไม่ได้อยู่แค่ผู้ร่วมงาน แต่อาจจะกลายเป็นบอสตัวจริงก็ได้ ใครจะรู้ขณะที่มนุษย์กลัวการตกงานเพราะเอไอจะมาทำงานแทน บริษัทใหญ่ๆ อย่างไมโครซอฟท์ก็ออกมาปลอบใจมนุษย์ว่า ไม่ต้องกลัวดอก เพราะเอไอจะเป็นเพียงแรงงานดิจิทัล ทำงานคู่กับมนุษย์ ยังไงก็ต้องใช้มนุษย์ขอแนะนำครับ ว่าทุกองค์กรควรต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับแรงงานปัญญาประดิษฐ์ ต้องมีหน่วยงานบริหารเอไอ มีการฝึกอบรมพนักงานด้านการบริหารจัดการแรงงานเอไอ ต้องเปลี่ยนระบบการทำงานที่แต่เดิมมนุษย์ทำทั้งหมดมาเป็นมนุษย์ครึ่งและเอไอครึ่ง หรือต่อไปในอนาคต ไม่แน่นะครับ ทั้งองค์กรอาจมีมนุษย์เพียงคนเดียวที่เป็นบอสใหญ่ ส่วนที่เหลือเป็นเอไอทั้งหมดโลกพัฒนาไปเรื่อยๆ ถ้าเราไม่ปรับตัว ในวันข้างหน้าก็อาจจะไม่มีเครื่องมือในการทำงานก็ได้สมัยนี้ ไม่มีใครแล้วครับ ที่ใช้โทรเลขสั่งงาน.นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัยsonglok1997@gmail.com คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม