ทวีปแอนตาร์กติกาถูกยกให้เป็นภูมิภาคที่ยากลำบากในการทำงาน เนื่องจากหนาวเย็นเยือก อยู่ห่างไกล และทุรกันดาร แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในดินแดนที่ดีที่สุดในโลกสำหรับตามล่าหาอุกกาบาต ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแอนตาร์กติกามีความอ้างว้าง สภาพอากาศ ที่แห้งแล้งได้จำกัดระดับการผุกร่อนของอุกกาบาต ดังนั้น ก็จะเห็นหินอวกาศสีดำโผล่ตัดกับทุ่งหิมะขาวโพลนอย่างชัดเจน และแม้ว่าอุกกาบาตจะจมลงไปในน้ำแข็ง การเคลื่อนไหวที่หมุนวนของธารน้ำแข็งกับหินด้านล่างก็ช่วยให้อุกกาบาตโผล่ขึ้นมาบนพื้นผิวทวีปอีกครั้งล่าสุด ทีมนักวิจัยนานาชาตินำโดย มาเรีย วาลเดส นักวิทยาศาสตร์จากพิพิธภัณฑ์ฟีลด์และมหาวิทยาลัยชิคาโก ในสหรัฐอเมริกา กลับมาจากแอนตาร์กติกาพร้อมอุกกาบาตใหม่ 5 ลูก รวมถึงอุกกาบาตลูกใหญ่น้ำหนัก 7.6 กิโลกรัม นักวิจัยประเมินว่าจากอุกกาบาตประมาณ 45,000 ลูก ที่เก็บมาจากแอนตาร์กติกาในช่วงร้อยปีที่ผ่านมา มีราวๆร้อยลูกเท่านั้นที่มีขนาดเท่านี้หรือใหญ่กว่า ทว่าสำหรับอุกกาบาตแล้ว ขนาดไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะอุกกาบาตลูกเล็กก็อาจมีคุณค่าทางวิทยาศาสตร์อย่างเหลือเชื่อ แต่การจะพบอุกกาบาตลูกใหญ่ๆ แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มันจึงเป็นเรื่องตื่นเต้นไม่น้อยอุกกาบาตทั้ง 5 ลูกนี้จะถูกนำไปวิเคราะห์ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ธรรมชาติแห่งเบลเยียม ส่วนตะกอนที่อาจมีอุกกาบาตเล็กจิ๋ว จะถูกแบ่งให้นักวิจัยแต่ละสถาบันนำกลับไปศึกษา ทั้งนี้ อุกกาบาตจะช่วยให้เข้าใจตำแหน่งของเราในจักรวาลได้ดีขึ้น ยิ่งมีตัวอย่างอุกกาบาตมากเท่าไร ก็จะยิ่งเข้าใจระบบสุริยะมากขึ้นและจะเข้าใจเราเองด้วย.Credit : Maria Valdes